"ภูฏาน อยู่ตรงไหนหรือที่รัก" ผมพยามนึกถึงประเทศนี้ว่าอยู่ส่วนไหนของโลก อยู่ติดกับอะไร หลังจากภรรยาผมเอยชวนไปเที่ยว ไม่ไปหรอกครับ อยากดูดอกไม้ก็ไปญี่ปุ่น อยากไปเล่นหิมะก็สวิท ไปทำไมภูฏาน หนาวก็ไม่มาก ดอกไม้ก็ไม่มี อาหารการกินก็ลำบาก ผมตอบภรรยาหลังจากหาข้อมูลแล้ว ปกติช่วงปลายปีของทุกปีส่วนใหญ่ผมและภรรยาจะไปญี่ปุ่น ผมชอบอากาศดี ของกินอร่อย หาของกินง่าย เดินเที่ยวสนุกมีของให้เลือกซื้อมากมาย แล้วนึกยังไง ปีนี้จะไปภูฏานเท่าที่หาข้อมูลในเน็ตเนื้อสัตว์ก็ต้องนำเข้า อาหารก็จะมีกลิ่นเครื่องเทศแรง มันไม่ใช่แนวของผมเลย เรื่องก็เงียบหายไปหลายวันพร้อมกับเสียงของภรรยาผม และอาการกิริยาแปลกๆ ต่างๆ ก็เริ่มมีขึ้น ซึ่งผมรู้ละว่าเป็นเพราะอะไร สงครามครั้งนี้ผมรู้ชะตากรรมได้ว่าจะจบลงแบบไหน แล้วผมจะซื้อเวลาไปเพื่ออะไร "ตกลงก็ได้ที่รัก" ผมเอยขึ้นมาในความเงียบขณะที่เรากำลังกินอาหารค่ำ คุณเธอเงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานให้ผม ซึ่งผมก็ต้องเข้าใจว่าเธอคงพูดว่าเห็นไหม ในที่สุดฉันก็ชนะ พร้อมกับวิ่งไปโทรศัพท์ทันที หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็มาเดินหนาวเป็นคู่รักหวานแหว๋วอยู่ภูฏาน การมาที่นี่ต้องอาศัยทัวร์เป็นหลัก จะได้มาสะดวก ไม่ต้องอาศัยคำรับรองของคนในประเทศเขา ทัวร์ที่ผมไปเป็นบริษัทที่ผมใช้บริการเป็นประจำ บริการดี มีถ่ายรูปให้ และข้อสำคัญราคาถูก ราคาทัวร์แต่ละคนไม่เท่ากันและห้ามถามว่าแต่ละคนมาในราคาที่เท่าไหร่ ที่ผมไปราคาอยู่ที่ 25,000 บาทต่อคน เป็นราคาพิเศษสำหรับลูกทัวร์ทีเคยไปกับบริษัทนี้เกินห้าครั้ง ซึ่งถูกมากสำหรับประเทศนี้ แต่ตอนนี้บริษัทนี้ปิดตัวไปแล้วครับ ได้ข่าวว่ามีการฟ้องร้องกันด้วย โชคดีที่ผมเหลือทริปไต้หวันอีกทริปเดียว กว่าจะได้ไปมีการเลื่อนอยู่เหมือนกันแต่ไม่กี่วันก็ได้ไปจึงพอให้อภัยได้ ผมมาด้วยสายการบินภฏานแอร์ไลน์ มาจองที่นั่งทีเคาท์เตอร์ ขาไปเที่ยวบินนี้ไม่ได้จอดรับคนที่ประเทศอินเดีย บินตรงไปภูฏาน อาหารบนเครื่องเป็นอาหารว่างรสชาติมีกลิ่นแขกนิดหน่อยคงทำมาจากไทย ยังพอกินได้ ตอนจองตั๋วผมบอกเจ้าหน้าที่ขอด้านที่เห็นยอดเขาหิมาลัย และไม่ตรงปีก ซึ่งก็ไม้ผิดหวัง เวลาเครื่องจะลง แอร์จะประกาศให้ทุกคนตื่นและเปิดหน้าต่างดูวิว กัปตันสายการบินนี้คงมีความสามารถสูงมากเพราะต้องนำเครื่องบินเอียงไปเอียงมาเพื่อนำให้ปีกผ่านช่องเขาไปลงที่รันเวย์ และรันเวย์ก็สั้นพอควร คงเนื่องด้วยลักษณะประเทศเป็นเนินเขาสลับกับเขาสูง ทำให้หาที่เป็นที่ราบได้ยาก หลังจากเครื่องลงจอดสนิท ทุกคนก็จะปรบมือให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ กัปตันและแอร์ ออกมายืนเรียงแถวขอบคุณ จึงนับว่าเป็นการต้อนรับที่อบอุ่นมาก เมื่อลงจากเครื่อง ทุกคนจะต้องเดินผ่านรูปกษัตริย์และครอบครัวของท่าน เราคนไทยซึ่งมีความจงรักภักดีอยู่ในสายเลือด ทุกคนวางกระเป๋าและถวายความเคารพกันทุกคน เป็นที่แปลกใจกับคนต่างชาติที่มาใเครื่องบินลำเดียวกัน บางคนก็นำกล้องมาถ่ายรูป ผมจึงไม่แปลกใจเลยเมื่อชาวภูฏานถามว่าเรามาจากไหน เมื่อเราตอบว่าเป็นคนไทยเขาจะดีใจเป็นพิเศษและจะขอถ่ายรูปด้วย มาที่นี่เหมือนเราเป็นตัวแทนของชาวไทย มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทยของเรา ผ้าไทยที่นำติดมาต้องได้ใช้แน่ๆ ยังครับ ยังไม่ได้ไปไหนไกล พึ่งก้าวเท้าเหยียบแผ่นดินภูฏาน จะผ่านด่าน ต.ม.แล้วครับ อดใจรอลุ้นให้ผมในตอนต่อไปครับ