หากพูดถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยา หลายคนอาจจะเห็นภาพสีน้ำตาลของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ตัดกับภาพสีฟ้าของน้ำทะเลในอ่าวไทย ที่เกิดขึ้นบริเวณปากแม่น้ำในจังหวัดสมุทรปราการอย่างแน่นอนครับ ในวันนี้ผมจะพาทุกคนไปยังสถานที่แห่งหนึ่งบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา สถานที่ที่ปกป้องชาวไทยจากการรุกรานของต่างชาติ อดีตป้อมปราการที่แข็งแกร่งแห่งปากแม่น้ำเจ้าพระยา และที่นี่ก็คือ ป้อมพระจุลจอมเกล้า นั่นเองครับ ก่อนอื่นผมขอย้อนกลับไปในปีพุทธศักราช 2427 ก่อนนะครับ ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ในหลวงรัชกาลที่ 5) ทรงโปรดเกล้าฯให้สร้างป้อมปืนใหญ่แบบตะวันตกขึ้นบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อป้องกันการรุกรานทางเรือจากต่างชาติ โดยตรงติดตั้ง ปืนเสือหมอบจำนวน 7 กระบอกเอาไว้ภายในป้อมปืน ซึ่งเป็นปืนที่ทันสมัยที่สุดในช่วงเวลานั้น หลังจากสร้างป้อมปืนนี้แล้วเสร็จได้ไม่นาน เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมพุทธศักราช 2436 มีเรือรบหลวงของฝรั่งเศสจำนวน 2 ลำได้ล่วงล้ำเข้ามาในน่านน้ำไทยบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา การสู้รบระหว่างไทยกับฝรั่งเศสจึงเกิดขึ้น เมื่อเรือรบหลวงของไทยจำนวน 5 ลำกระหน่ำยิงปืนใหญ่ไปยังเรือรบของฝรั่งเศส ผลทำให้อาหารของฝรั่งเศสเสียชีวิตและบาดเจ็บ ส่วนเรือทั้งสองลำก็เสียหายอย่างหนัก ส่วนเรือรบของทหารไทยก็เสียหายเช่นกัน แต่สิ่งที่ไม่มีความเสียหายเลยก็คือป้อมปืนใหญ่ ที่กระหน่ำยิงไปที่ศัตรูอย่างไม่ลดละจนศัตรูนั้นพ่ายแพ้ไป และนี่ก็คืออีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ประเทศไทยนั้นสามารถปกป้องเอกราชเอาไว้ได้ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเหตุการณ์เล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อในอดีตที่นานมาแล้วครับ ซึ่งปัจจุบันนี้ยังคงเหลือไว้แค่เพียงอนุสรณ์สถานที่สำคัญของชาวไทย เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญและเปิดให้เข้าชมได้ฟรี ในวันนี้ผมจะพาทุกคนไปที่ ป้อมพระจุลจอมเกล้า กันครับ บรรยากาศบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า ป้อมพระจุลจอมเกล้า หรือ ป้อมพระจุล ตั้งอยู่ที่ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ลักษณะของพื้นที่จะเป็นพื้นคอนกรีตขนาดใหญ่ที่แบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายส่วน ส่วนติดทะเลจะเป็นป้อมปืนใหญ่ ส่วนที่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาจะเป็นที่ตั้งของเรือหลวงแม่กลอง และส่วนของแผ่นดินจะเป็นที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 พื้นที่ทั้งหมดนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ทุกคนสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เลยครับ บริเวณจุดบูชาพระบรมรูปของสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) การเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ พวกเราขับรถมาโดยใช้เส้นทางถนนสุขสวัสดิ์ครับ โดยตั้งพิกัดไว้ที่ "ป้อมพระจุลจอมเกล้า" แล้วขับรถตามทางมาเรื่อย ๆ จะถึงจุดตรวจของฐานทัพเรือกรุงเทพฯ เมื่อมาถึงและแลกบัตรเรียบร้อยแล้ว ก็ขับรถเข้ามาด้านใน จะมีที่จอดรถอยู่มากมาย เมื่อมาถึงแล้วพวกเราก็เดินไปที่จุดสักการะพระบรมราชาอนุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ที่นี่จะมีธูปเทียนดอกไม้ให้บูชาตามกำลังศรัทธานะครับ บริเวณภายในป้อมปืนใหญ่ สถานที่แรกที่พวกเราจะไปกันก็คือป้อมปืนครับ เพราะป้อมปืนจะอยู่ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์มากนัก เมื่อเดินมาถึงบริเวณป้อมปืน พวกเรารู้สึกถึงความยิ่งใหญ่และความประณีตในการก่อสร้างสถานที่แห่งนี้ พื้นที่ทุกตารางนิ้วยังคงความสมบูรณ์และแข็งแรงอยู่ แม้เวลาจะผ่านมาล่วงเลยหลายปีแล้วก็ตาม พื้นที่ภายในป้อมปืนจะมีห้องสำหรับเก็บกระสุนปืนใหญ่อยู่มากมายหลายห้อง (บางห้องมีกระสุนปืนใหญ่วางอยู่ แต่ผมคาดว่ากระสุนเหล่านั้นน่าจะนำดินปืนออกจนหมดแล้ว) มีห้องสำหรับประชุม มีห้องสำหรับหลบภัยและมีห้องสำหรับเก็บปืนใหญ่แบบปืนเสือหมอบอยู่ทั้งหมด 7 ห้องด้วยกัน ปืนใหญ่ทุกกระบอกมีความสวยงามและมีสภาพที่สมบูรณ์ ลักษณะจะเป็นปืนที่หันปากกระบอกปืนไปทางทะเล มีบันไดปีนขึ้นไปบริเวณด้านบนป้อมปราการ เพื่อชี้เป้าหมายที่อยู่ในทะเลครับ บริเวณทางเข้าเรือหลวงแม่กลอง หลังจากเข้าชมบริเวณป้อมปืนเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินต่อไปยัง เรือหลวงแม่กลอง เรือที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน เรือลำนี้ต่อขึ้นที่อู่ต่อเรือประเทศญี่ปุ่น และเข้ามาประจำการที่ประเทศไทยในปีพุทธศักราช 2480 เคยถูกใช้เป็นเรือพระที่นั่งในรัชสมัยของในหลวงรัชกาลที่ 8 และในหลวงรัชกาลที่ 9 ในสมัยมหาสงครามเอเชียบูรพา และถูกปลดประจำการในปีพุทธศักราช 2539 เป็นระยะเวลารวมทั้งสิ้น 59 ปี นับว่าเรือลำนี้เป็นเรือที่ประจำการยาวนานที่สุดในประเทศไทยเลยครับ และในปัจจุบันเรือลำนี้ได้ถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์เรือรบไทย เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมอย่างใกล้ชิดด้วยครับ บริเวณปืนใหญ่บนเรือหลวงแม่กลอง ภายในเรือมีพื้นที่กว้างขวาง พื้นที่สำคัญ ๆ ภายในเรือเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมอย่างใกล้ชิด อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในเรือบางส่วนยังสามารถใช้งานได้ แต่บางห้องถูกปิดล็อกเอาไว้เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากบางห้องชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลา เหลือเพียงพื้นที่สำคัญพี่ยังพอใช้งานได้เท่านั้น เมื่อพวกเราเดินเข้ามาด้านในเรือลำนี้ ทางเดินจะมีลูกศรบอกทางว่าควรจะเดินไปทางไหน บางจุดจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็ก ๆ และผู้สูงอายุ อุปกรณ์ต่าง ๆ ยังใช้งานได้ดีโดยเฉพาะปืนใหญ่ ถึงแม้จะปลดประจำการไปแล้วแต่สภาพยังดูสมบูรณ์อยู่เลยครับ หากเพื่อน ๆ มีโอกาสได้มาที่นี่ก็สามารถถ่ายรูปกับปืนใหญ่เหล่านี้ได้เช่นกันนะครับ แต่ควรระวังเรื่องการหยิบจับอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในเรือลำนี้นะครับ เนื่องจากว่าเรือมีอายุมากแล้ว การหยิบจับอะไรแรง ๆ อาจจะทำให้สิ่งของเหล่านั้นเสียหายได้ครับ บริเวณห้องปฏิบัติการในเรือหลวงแม่กลอง เมื่อเดินเข้ามาเรื่อย ๆ พวกเราก็คงกลับห้องบัญชาการ ภายในห้องยังมีความสมบูรณ์อยู่มาก อุปกรณ์ต่าง ๆ ยังคงสภาพเดิม เก้าอี้ไม้ยังดูแข็งแรง รูปต่าง ๆ ที่ติดอยู่บนผนังเรือในห้องนี้ เปรียบเสมือนเครื่องบันทึกเวลาที่บันทึกเรื่องราวในอดีตครั้งที่เรือยังประจำการอยู่ ซึ่งเรื่องราวต่าง ๆ ยังคงเก็บไว้ตลอดมา และจะเก็บไว้ตลอดไปตราบชั่วลูกชั่วหลาน พวกเราเดินทางภายในเรือลำนี้โดยใช้เวลามากกว่า 1 ชั่วโมง ถึงแม้มองจากภายนอกเรือจะดูขนาดเล็ก แต่เมื่อเข้ามาแล้วภายในเรือกับยิ่งใหญ่และมีพื้นที่ใช้สอยมากมายเลยครับ บริเวณเรือหลวงแม่กลอง เป็นอย่างไรบ้างครับกับ เรือหลวงแม่กลอง เรือที่มีเรื่องราวที่สำคัญกับชาวไทยมาอย่างยาวนาน ไม่ใช่แค่เพียงเรือลำนี้เท่านั้นแต่ทุกสิ่งที่นี่ล้วนมีความสำคัญและร่องรอยความทรงจำเก็บเอาไว้ ความสวยงามที่ยังคงหลงเหลืออยู่นี้ จะยังคงอยู่ให้ลูกหลานได้มาเที่ยวชมต่อไป สุดท้ายนี้ผมก็ขอแนะนำให้เพื่อน ๆ ลองมาเที่ยวที่นี่สักครั้ง เพราะนอกจากจะได้มาถ่ายรูปสวย ๆ แล้วที่นี่ยังมีร้านอาหารอร่อย ๆ ที่ใช้วัตถุดิบสด ๆ จากทะเลมาปรุงเพื่อให้ลูกค้าได้ทานของที่มีคุณภาพและอร่อย ถ้าทริปนี้มีประโยชน์กับเพื่อน ๆ ก็อย่าลืม Comment ที่ใต้บทความนี้ให้พวกเราด้วยนะครับ แล้วพบกันใหม่ทริปหน้า สำหรับวันนี้สวัสดีครับ ที่ตั้ง : ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ 10290 พิกัด : >>> Click <<< เวลาทำการ : ทุกวัน 07.00 - 19.00 น. เพจทางการ : >>> Click <<< โทรศัพท์ : - ภาพประกอบบทความโดย Tom Percy on TrueID In-Trend ครับ