“สุขภาพดีไม่มีขาย หากอยากได้ต้องทำเอง” เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะเคยได้ยินหรือคุ้นๆ กับ คำๆ นี้บ้างนะครับ วันนี้ผมจะมาพูดถึงเรื่องสุขภาพกาย สุขภาพจิต ของพนักงานออฟฟิศ หรือมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย อย่างเราๆ ท่านๆ หรือว่าตัวผมเองนี่แหละครับ คิดว่าคงมีหลายๆ คนนะครับ ที่เป็นพนักงานออฟฟิศหรือมนุษย์เงินเดือน ที่ทำงานเอกชน ในระบบราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ ที่วันๆ หนึ่งตั้งแต่เช้าจรดเย็น ที่ต้องนั่งจมกับเก้าอี้ เคร่งเครียดกับงานที่โต๊ะทำงาน โดยไม่ได้เดินออกไปไหนหรือก็จะมีเวลาว่างนิดหน่อยในช่วงเวลาพักเที่ยงทานข้าวเท่านั้นเอง ที่พอจะได้เดินขยับตัวไปทานข้าวเที่ยงกับเพื่อนๆ นะครับได้ยืดเส้นยืดสายนิดหน่อย อิ่มท้องแล้วก็มานั่งทำงานต่ออีกยันเย็นถึงตอนเลิกงาน วนเวียนอยู่อย่างนี้ตลอด ซึ่งถ้าการใช้ชีวิต ในห้องทำงาน ที่โต๊ะทำงานของเรา แค่วันสองวันเดือนสองเดือนก็คงไม่เป็นอะไรมากมายสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นระยะเวลานานๆ ตั้งแต่ 1 ปี 5 ปี 10 ปี หรือบางคนอาจจะถึง 20 ปีขึ้นไปก็มี ที่ยังนั่งทำงาน บุคลิกนิสัยแบบเดิมๆคือนั่งทำงานวันละ 8-9 ชั่วโมง มีเวลาพักเที่ยง 1 ชั่วโมง เลิกงานตอนเย็นก็ทานข้าวเย็น สังสรรค์ แล้วก็เข้านอน ซึ่งไม่มีเวลาออกกำลังกายเลยนั้น สิ่งที่จะตามมาคือโรคอ้วนถามหา และโรคอื่นๆ ก็อาจจะตามมาอีกมากมาย เนื่องจากเราทานอาหารเข้าไปเยอะแต่ออกกำลังกายน้อย การเผาผลาญสิ่งที่เราทานเข้าไปเผาผลาญไม่หมดนั่นเอง วันนี้ผมจะมีเคล็ดลับดีๆ ง่ายๆ ที่ใช้เวลาในขณะที่เราทำงานหรือเวลาว่างหลังจากเราเลิกงานวันละ 1-2 ชั่วโมง มาออกกำลังกายเพื่อรักษาสุขภาพของเราดังนี้นะครับ 1. การเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์ ที่ทำงานหรือสำนักงานใคร ถ้าเราทำงานอยู่ชั้น 2 และชั้น 3 เราเปลี่ยนนิสัยจากการที่เราขึ้นลิฟท์เป็นประจำทุกเช้า-เย็น มาเป็นการเดินขึ้นบันไดจะดีกว่าไหม? เพื่อให้เราได้ออกกำลังกายช่วยให้เรา มีร่างกายแข็งแรงโดยที่เราไม่รู้ตัวเลยทีเดียว ถ้าเราเดินขึ้นบันไดไปห้องทำงานทุกเช้าและตอนเย็นเดินลงทุกเย็นก็จะเป็นการออกกำลังที่ดีเยี่ยมแบบที่เราเองไม่รู้สึกตัวว่ากำลังออกกำลังกายอยู่เลยจริงๆ 2. ขณะที่นั่งทำงานนานๆ เราก็ไม่ควรจะนั่งนิ่งๆ จ้องแต่จอคอมพิวเตอร์อย่างเดียวทั้งวัน การจ้องคอมพิวเตอร์นานๆ ซึ่งนอกจากจะทำให้สายตาเราเมื่อยล้าเนื่องจากแสงจากจอคอมพิวเตอร์แล้ว ยังจะทำให้สายตาของเราเสื่อมโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย ทางที่ดีเราควรจะหยุดพักสายตาบ้าง แล้วก็ขยับร่างกาย ยืดเส้นยืดสายบ้าง เช่นยกมือขึ้นทั้งสองข้างให้สุด แล้วโยกมาทางซ้ายที โยกมาทางขวาที และด้านซ้ายขวาสลับกันไป เพื่อผ่อนคลายร่างกาย 3. ปรับโต๊ะทำงานให้สมดุลกับการนั่งทำงานของเรา โต๊ะทำงานก็เป็นสิ่งที่สำคัญสิ่งหนึ่งกับการทำงาน โต๊ะทำงานกับเก้าอี้ จอคอมพิวเตอร์ซึ่งเราต้องนั่งอยู่กับโต๊ะและเก้าอี้เป็นเวลานานทั้งวัน ควรจะปรับโต๊ะ เก้าอี้ จอคอมพิวเตอร์ ให้ได้ฉากได้ขนาดความสูงพอดีกับตัวเราที่เรานั่งทำงาน ไม่ควรต่ำหรือสูงจนเกินไป โต๊ะ เก้าอี้ อาจจะมีที่พักหรือหย่อนขาบ้างก็จะดีเพื่อผ่อนคลาย 4. พักสายตามองต้นไม้ใบหญ้าเขียวๆ ท้องฟ้าสีครามบ้าง ในขณะที่เราทำงานนานๆ เราควรจะลุกเดินไปโน่นนี่บ้าง ถ้าที่ทำงานบางแห่งถ้าพอมีวิวหรือต้นไม้ใบหญ้าสีเขียว มีสวนหย่อมอยู่ด้านหลังหรือด้านข้างสำนักงานก็จะดีเลยทีเดียว เราควรจะเปิดหน้าต่างหรือเดิน ตามระเบียงมองไปรอบๆ อาคารบ้าง เห็นท้องฟ้าสีครามหรือต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวๆ เพื่อพักสายตาสัก 5-10 นาที แล้วค่อยกลับมาทำงานที่โต๊ะใหม่อีกครั้ง หรือจะเป็นการงีบหลับพักสายตาในช่วงเวลาบ่ายสัก 10-20 นาที ก็จะช่วยให้เราสดชื่น ทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยเช่นกัน 5. แกว่งแขนขยับขา..การออกกำลังกายแขนและขา ในระหว่างที่เราทำงานทั้งวัน เช่นการเดินไปมาในขณะที่เรานั่งนานๆ ในห้องหรือบริเวณใกล้เคียงที่ทำงานหรือเดินไปคุยกับเพื่อนที่โต๊ะทำงานข้างๆ บ้างก็ได้ 6. ออกกำลังกายหลังเลิกงานวันละ 1-2 ชั่วโมง หากที่ทำงานใครที่อยู่ในเมืองหลวง หรือชานเมืองหลวง ที่มีการจราจรติดขัด เมื่อเวลาที่เราเลิกงานตอนเวลา 4 - 5 โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่จราจรติดขัดมากๆ เราก็สามารถเลี่ยงรถติดด้วยการออกกำลังกายในเวลานี้ ด้วยการเตรียมชุดกีฬาติดรถมาเป็นประจำ เพื่อวอร์มร่างกาย ออกกำลังกายตอนเย็นหลังเลิกงานบริเวณใกล้ๆ ที่ทำงาน วันละ 1-2 ชั่วโมง เพื่อหลีกเลี่ยงรถติดและทำให้ร่างกายมีเลือดสูบฉีดบ้าง เมื่อเราออกกำลังกายเป็นประจำ ความสดชื่น ความแข็งแรงก็จะตามเรามา แค่เพียงเราออกกำลังกายหลังเลิกงานวันละ 1-2 ชั่วโมง ถ้าเราทำติดต่อกัน 1 เดือนก็จะใช้เวลาในการออกกำลังกายเท่ากับ 50 - 60 ชั่วโมง ต่อเดือนเลยเชียวนะ ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าเราทำแบบสม่ำเสมอ โรคภัยไข้เจ็บทั้งหลาย ความดันหรือโรคร้าย อะไรต่างๆ ก็จะหายไป และร่างกายที่แข็งแรงของเราก็จะกลับมาหาเราเหมือนเดิมแน่นอนครับ