ทำไมการใช้ชีวิตให้มีความสุขถึงยากเหลือเกินทั้งที่อยู่ที่ใจเราแท้ๆ จะเห็นได้ว่ามีคนทุกข์อยู่ทั่วโลก ถึงได้มีหนังสือแนวพัฒนาตนเองแนวคิดอย่างไรให้มีความสุขเต็มท้องตลาดพวกปรัชญาความสุขพวกนี้ก็มาจากพวกคำสอนในศาสนาต่างๆ จนออกมาเป็นคำคม คนที่แก้ปัญหาเองไม่ได้แบบเส้นผมบังภูเขาก็มีทางออก เช่น อ่านหนังสือธรรมะเพื่อให้ใจสงบ ไปลงคอร์สไลฟ์โค้ชสอนการใช้ชีวิต เพราะที่ผ่านมาล้มเหลว หรือไม่ก็โทรไปคุยกับดีเจในรายการพุธทอล์กพุธโทรแล้วเคยสงสัยไหมว่าทำไมปัญหาเรื่องไม่มีความสุขมันไม่เคยหมดไป ฟังมาตั้งนานเหมือนรายการจะมีคนโทรมาเล่าตลอด เราฟังหลายครั้งว่าบางเคสคล้ายกันมาก แต่มันก็เหมือนการได้โทรมาในรายการเองเพียงเพื่อระบาย ได้พูดหรือร้องไห้ออกมาให้คนที่พร้อมรับฟังและเข้าใจได้ให้คำแนะนำอย่างคุณเผือก คุณต้นหอม และคุณลูกกอล์ฟ ทำให้เหมือนอกภูเขาออกจากอก สบายใจขึ้นมาหน่อยหนังสือ 'ฉันสบายดี' โดยคุณริวโฮ โอคาวา ผู้ก่อตั้งองค์กรแฮปปี้ไซเอนซ์ ได้พูดถึงทัศนคติในการใช้ชีวิตด้วยการคิดบวก ในปี 2563 นี้ยังพูดเรื่องคิดบวกกันอยู่เลย หนังสือเล่มนี้พิมพ์ปี2555 แต่ปัญหาโลกแตกของมนุษย์เรื่องสุขรึไม่สุขมันอยู่ยั้งยืนยงFernjung จะขอแนะนำบทที่ประทับใจสามบทให้พอเป็นแนวทางสำหรับคนที่อยากหาหนังสืออ่านเพื่อเป็นกำลังใจให้ตนเองและคนรอบข้างนะคะ1.คิดอย่างนักวิ่งมาราธอนไม่ใช่นักวิ่งลมกรดคนเราชอบเปรียบเทียบกับคนอื่นว่าเราเจริญก้าวหน้าไม่เท่าเพื่อน เงินเดือนน้อยกว่า ปล่อยเขาไป พวกนั้นเป็นนักวิ่งลมกรด เราสู้สร้างรากฐานให้มั่นคง ดูอนาคตไปยาว ๆ เลือกเอาจะชนะเกมย่อยหรือทั้งเกมชอบเพราะว่าคนจะชอบเผลอเทียบกับคนอื่น มองแค่ตรงหน้า ไม่มองๆกลไปถึง 10 ปี 20 ปี เอาเวลานอยด์ชาวบ้านไปพัฒนาสกิลของเราดีกว่า2. จุดอ่อนและข้อเสียคือเมล็ดพันธุ์แห่งความสุขในหนังสือบอกว่าคนที่สุขภาพไม่แข็งแรงจะดูแลตัวเองมากกว่าคนที่แข็งแรงเลยละเลยสุขภาพแล้วทำงานหามรุ่งหามค่ำ พักผ่อนน้อย แล้วสุดท้ายคนที่ละเลยสุขภาพจะป่วยมากกว่า อายุสั้นกว่า เสียชีวิตกะทันหันเลยก็ได้ เช่นเดียวกับคนที่มีจุดอ่อนหรือข้อเสีย แปลว่าเรายังดีกว่านี้ได้อีก ทำให้เราเปิดสำหรับการเรียนรู้ใหม่ๆ เป็นน้ำไม่เต็มแก้วชอบบทนี้เพราะเบิกเนตรมากๆ ปกติคนเราก็ไม่อยากมีจุดอ่อน อยากกำจัดมันออกไป เป็นการพลิกมุมคิดที่สุดยอด ให้กำลังใจได้จริงๆ3.อย่านับสิ่งที่ทำให้คนอื่นคำแนะนำนี้สำหรับพวกที่ทำอะไรก็ดีดลูกคิดว่าเราให้คนอื่นเท่าไหร่ คนอื่นต้องให้กลับมาเท่านั้น คิดอย่างนี้จะไม่มีความสุข เพราะธรรมชาติของการให้กับการรับมันไม่ใช่50/50 สังเกตดูสิว่าคนที่ให้จะมีความสุขกว่าคนที่รับนะเป็นคำสอนที่ดีมากๆ เลยค่ะ นำไปปรับใช้กับชีวิตการทำงานและชีวิตประจำวันทั่วๆ ไปได้เลย สุดท้ายนี้ Fernjung อยากบอกว่าความสุขอยู่ที่ตัวเรา ไม่ต้องเดินทางไปค้นหาที่ไหนไกลเลยค่ะ อยู่บ้านสี่วันหยุดยาวไม่ได้ไปเที่ยวทำธีสิสก็อย่าไปทุกข์ สนุกกับมันค่ะ พบกันใหม่บทความหน้านะคะ สวัสดีค่ะ หนังสือ 'ฉันสบายดี'แนว Self Helpผู้แต่ง ริวโฮ โอคาวาผู้แปล ประพุทธ์ สุวัฒนาสำนักพิมพ์ แฮปปี้ไซเอนซ์ปีที่พิมพ์ 2555ราคา 120 บาท ภาพปก+ ภาพที่ 1,2 ถ่ายโดยผู้เขียนภาพที่ 3 Pexelsภาพที่ 4 congerdesignภาพที่ 5 councilcle