ผู้อ่านหลายท่านอาจมีโอกาสผ่านโรงเรียนป้อมนาคราชสวาทยานนท์หลายครั้ง โดยไม่ทันสังเกตุว่า ด้านหลังของอาคารแห่งนี้คือ ป้อมปราการสำคัญ ที่เคยทำหน้าที่ป้องกันภัยจากการรุกรานทางทะเลมายาวนาน.... ป้อมนาคราชเมืองชายทะเลไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใดย่อมมีความสำคัญ เพราะเป็นทำเลทำให้เกิดการติดต่อทางการค้า การถ่ายทอดวัฒนธรรม และอื่น ๆ ซึ่งล้วนทำให้เมืองชายทะเลนั้น ๆ เกิดพัฒนาการในทุกด้านเมืองที่อยู่ปากน้ำเจ้าพระยาติดกับทะเลอ่าวไทยก็เช่นกัน ตั้งแต่สมัยขอมเรืองอำนาจในปี พ.ศ. ๑๔๐๐ขอมได้แผ่ขยายอาณาเขตลงมาถึงดินแดนแหลมทอง ตั้งละโว้เป็นราชธานีและปรากฏชื่อ “เมืองปากน้ำพระประแดง”เป็นเมืองหน้าด่านทางปากน้ำ ซึ่งนับว่ามีความสำคัญยิ่งแม้ว่าโดยสภาพภูมิศาสตร์แผ่นดินที่งอกออกไปในทะเล ทำให้เมืองพระประแดงต้องอยู่ห่างจากทะเลออกไป ก็ได้มีการตั้งเมืองใหม่ชื่อ “สมุทรปราการ” ขึ้นมาแทน ซึ่งสมุทรปราการก็ยังเป็นเมืองที่สำคัญต่อเนื่องมา จนถึงยุคสมัยประวัติของคนไทยอันได้แก่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์สิ่งสำคัญที่จะต้องปรากฏให้เห็นในเมืองหน้าด่านทางทะเลที่สำคัญเช่นนี้ คือ ป้อมปราการ เพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึกทางทะเลในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ กับพระยาพระคลัง (ดิศ) เป็นแม่กองลงไปจัดสร้างเมืองสมุทรปราการพร้อมกับป้อมปราการทั้งสองฟากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาให้แข็งแรง เพื่อป้องกันข้าศึกทางทะเล โดยเฉพาะการรุกรานจากญวนป้อมปราการที่สร้างขึ้นในครั้งนั้น มี ๖ ป้อม ทางฝั่งซ้ายมี ๔ ป้อม คือ ป้อมประโคนชัย ป้อมนารายณ์ปราบศึก ป้อมปราการ และป้อมกายสิทธิ์ ทางฝั่งขวามีเพียงป้อมเดียว คือ ป้อมนาคราชส่วนกลางแม่น้ำมีการสร้างป้อมบนเกาะชื่อว่า ป้อมผีเสื้อสมุทร ป้อมนาคราช สร้างขึ้นใน พ.ศ.๒๓๖๕ เป็นป้อมที่สร้างตามแนวยาวเลียบขนานไปกับฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาลักษณะของแนวกำแพงป้อมค่อนข้างหนาและใหญ่ เพื่อแก้ปัญหาเรื่อง การกัดเซาะจากน้ำทะเล ก่ออิฐโบกปูนมีกำแพง 2 ชั้นใช้อิฐแดงในการก่อสร้าง ป้อมนาคราชเป็นป้อมที่สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ในการเก็บรักษาดินปืนดังนั้นก่อนที่จะสร้างโรงเรียน และต้องมีการขุดเพื่อปรับพื้นที่ จึงพบว่า พื้นที่ในบริเวณป้อมนาคราชมีการขุดพบปืนใหญ่เป็นจำนวนมาก การสร้างป้อมปราการบริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยามีเพิ่มเติมเรื่อยมา จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดฯให้สร้างป้อมใหญ่ขึ้น คือ ป้อมพระจุลจอมเกล้า ซึ่งมีความแข็งแกร่ง มีอาวุธปืนใหญ่ทันสมัยเพื่อต่อต้านข้าศึก ที่มีกองทัพเรือที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม ป้อมนาคราชจึงไม่ได้ถูกใช้งานอีกต่อไป และถูกทิ้งรกร้าง หักพังตามกาลเวลาทั้งจากธรรมชาติ เช่น รากไม้ ถูกน้ำเซาะ และจากการถูกรื้อถอนของผู้คนจนเมื่อกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถานที่สำคัญของชาติในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ จึงได้มีการบูรณะตามหลักวิชาแนะนำเรื่องราวทางประวัติศาสตร์กันพอสมควร ขออนุญาตบอกเล่าถึงการเดินทางค่ะจากอำเภอเมืองสมุทรปราการ ข้ามเรือที่ท่าเรือวิบูลย์ศรี นั่งชมแม่น้ำเจ้าพระยา จะเห็นป้อมผีเสื้อสมุทรบนเกาะผีเสื้อสมุทรเรือจะจอดเทียบท่าบริเวณใกล้พระสมุทรเจดีย์ หรือพระเจดีย์กลางน้ำ กราบสักการะองค์พระแล้วก็เรียกพี่วินมอร์เตอร์ไซค์ให้ไปส่งที่โรงเรียนป้อมนาคราชสวาทยานนท์ เดินตรงไปหลังอาคารเรียน จะพบแนวป้อมขนานไปกับแนวแม่น้ำเจ้าพระยาแนะนำให้ไปเสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุด เพราะในวันราชการเด็ก ๆเต็มโรงเรียนค่ะนอกจากได้สัมผัสโบราณสถานสำคัญ สำหรับคนรักธรรมชาติ บริเวณนี้ยังเป็นป่าชายเลนที่คงความเป็นธรรมชาติอยู่จริง ๆและพิเศษสำหรับคนชอบดูนก มีนกหลายชนิดแวะเวียนมาเกาะกิ่งไม้ให้ชมกันเพลิน ๆด้วยค่ะป้ารุหวังที่จะเห็นป้อมนาคราชวันนี้เป็นความภาคภูมิใจของลูกหลานไทย ที่ได้ระลึกถึงความกล้าหาญ และรักชาติบ้านเมืองของบรรพบุรุษรวมทั้งช่วยกันดูแลรักษาสัญญลักษณ์สำคัญแห่งนี้ ต้องฝากเด็ก ๆนักเรียนโรงเรียนป้อมนาคราชสวาทยานนท์รักษา และเผยแพร่เรื่องราวของ ป้อมนาคราช ไม่ให้กลายเป็นปราการทางทะเลที่ซ่อนเร้น เหมือนที่ป้ารุตั้งชื่อเรื่องไว้นะคะข้อมูลอ้างอิง : คำบรรยายเรื่อง ป้อมนาคราช ที่เขียนไว้บริเวณใกล้แนวกำแพงในบริเวณโรงเรียนป้อมนาคราชสวาทยานนท์