สวัสดีค่ะวันนี้จะมาบอกสูตรเด็ดเคล็ดลับการทำปลานิลแดดเดียวมาให้ชมกันนะคะ เนื่องจากบ้านของดิฉันเป็นบ้านติดริมชายคลองค่ะ เวลาหลังฝนตกปลาก็จะขึ้นมาเล่นน้ำกันเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นปลานิล, ปลาช่อนและก็ปลาหมอค่ะ อยากจะบอกว่า ปลาตามธรรมชาติเนี่ยเนื้อจะไม่คาวเหมือนปลาเลี้ยงนะคะ แล้วอีกอย่างนึงคือ เนื้อปลาธรรมชาติเนื้อจะหวานทานอร่อยมากกว่าปลาเลี้ยงด้วยค่ะ คุณยายของดิฉันเป็นคนที่ชอบทานปลานิลมากค่ะ คุณยายจะชอบทานเนื้อปลามากกว่าเนื้อสัตว์ อาหารส่วนมากที่คุณยายชอบทำทาน ก็คือปลานิลแดดเดียวค่ะซึ่งสูตรของคุณยายเนี่ยเป็นสูตรที่ทำกันมาตั้งแต่สมัยคุณยายสาวๆ ทำจนมาถึงรุ่นของคุณแม่เลยค่ะ คุณแม่เล่าให้ฟังว่าสูตรนี้เป็นสูตรเด็ดที่ คุณยายสอนให้ เป็นสูตรที่คุณยายคิดขึ้นมาเองตั้งแต่เมื่อ 30 ปีที่แล้วค่ะ เริ่มแรกเลยคุณยายจะชวนคุณตาไปเหวี่ยงแห หาปลาริมคลองหาปลานิลพอได้ตามจำนวนที่ต้องการแล้ว ก็จะจัดการนำปลามาล้างน้ำให้สะอาดก่อน 1 ครั้งค่ะ ส่วนวิธีการทำก็คือ 1) นำปลามาตัดหัวถอดเกล็ดออกให้เกลี้ยงและนำไส้ออกให้หมด 2) นำปลาทั้งหมดมาล้างด้วยน้ำเปล่าอีก 1 ครั้ง 3) นำเกลือมาใส่น้ำ แล้วนำปลามาใส่แช่เอาไว้กับน้ำเกลือเป็นเวลา5นาทีค่ะ 4) นำปลาออกมาล้างน้ำสะอาดอีก 1 ครั้งแล้วนำตระไคร้ ที่ทุบแล้ว 2 หัวพร้อมกับใบมะกรูด 5 ใบคลุกให้ทั่วตัวปลาพักไว้ 10 นาทีเพื่อดับกลิ่นคาว และเพิ่มความหอมในเนื้อปลาค่ะ 5) นำปลามาทาเกลือบาง ๆ แล้วพักไว้ 10 นาที 6) นำปลาไปใส่กระด้งตากไว้ 3 แดดค่ะ 3 แดดก็คือ 3 วัน เราต้องคอยกลับด้านปลาทุก ๆ ครึ่งวันเพื่อให้ปลาแห้งสนิทค่ะ จากนั้นเมื่อปลาแห้งแล้วก็เราสามารถนำปลามาทอดรับประทานได้เลยค่ะ รสชาติที่ได้ก็คือจะไม่เค็มมากกลมกล่อม ไม่มีกลิ่นคาวเลยค่ะ ปลานิลแดดเดียวจะอร่อย ไม่อร่อยขึ้นอยู่กับเกลือที่ทาลงไปด้วยนะคะ เราต้องกะปริมาณ ไม่ให้มากจนเกินไป เพราะอาจจะทำให้เนื้อปลาเค็มเอาได้ ปลานิลแดดเดียวไม่ได้แต่จะนำมาทอดเพียงอย่างเดียวนะคะ ยังสามารถนำมาทำแกงส้ม แกงสายบัว และนำมาทำน้ำพริกปลาป่นได้อีกด้วย ทั้งนี้สูตรคุณยายก็ได้สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น จากคุณยายถึงคุณแม่ จากคุณแม่ จนมาถึงรุ่นของดิฉัน เคล็ดลับความอร่อยที่มีมานานถึง 30 ปี ดิฉันก็จะเก็บรักษาสูตรนี้เอาไว้ให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้รู้เช่นกันค่ะ