วันนี้เป็นวันอาทิตย์ วันหยุดที่ฉันหวงแหนและอากาศก็แสนจะเป็นใจให้กับการนอน แต่แล้วก็มีคนเอาของมาฝากฉัน "บักอึ๊จ้า บักอึ๊" สีผลข้างในสมกับชื่อจริงๆสีเหลืองๆเหมือนอึี๊เลย ผลนี้ภาคกลางเรียกว่า "ฟักทอง" นั่นเอง และอยู่ๆแม่ของฉันเห็นก็พูดขึ้นมาว่าอยากกินสังขยาฟักทองจ้าาาา มันทำยังไงล่ะจ๊ะ แล้วใครจะทำล่ะจ๊ะ ฉันไงจ๊ะ จ้าาาาาา ทำเป็นมากมั้ง วันนี้ฉันเลยต้องมานั่งอยู่หน้าคอมสองสามชั่วโมงเพื่อสืบค้นสูตรการทำสังขยาฟักทองแสนอร่อยให้หม่อมแม่ทาน แต่ก็เป็นดั่งคำโบราณว่า "สิบตาเห็นไม่เท่าลงมือทำ" นั่งอ่านสูตรมาตั้งนานก็ไม่เข้าใจ เลยไม่ดูแม่งละ มั่วเลยละกัน "ลองตั้งใจทำดู แหลกได้ก็แหลก แหลกไม่ได้ก็โยนทิ้งไป" นี่คือความคิดฉันก่อนลงมือทำ ส่วนประกอบที่ใช้ก็เอาเท่าที่เราพอใจ เพิ่ม-ลดจากสูตรได้ตามใจชอบ แต่ละสูตรชอบเขียนเป็นกรัม(ไม่มีเครื่องชั่งเว้ย!!) ฉันขี้เกียจคำนวนเลยลองทำเป็นช้อนโต๊ะมาฝาก ง่ายกว่ากันเยอะ 1. ฟักทอง 1 ลูก (ไม่มีก็หาเป็นผลไม้อย่างอื่นเอา แต่จะกินได้หรือไม่ได้ก็อีกเรื่องนะ) 2. ไข่ไก่ 4 ฟอง (ถ้าตามสูตรเขาให้ใช้ไข่ไก่ 2 ฟอง ไข่เป็ด 2 ฟอง แต่แม่ของฉันไม่กินทุกอย่างที่เป็นเป็ด เลยใช้ไข่ไก่ล้วน) 3. น้ำตาล 10-14 ช้อนโต๊ะ (ไม่ชอบหวานก็เอาแค่ 10 ชต. แต่พอทำออกมาจะหวานแปลกๆ ถ้าให้แนะนำคือ 10 ชต ขึ้นไปจะดีกว่า) 4. เกลือ ปลายช้อนโต๊ะ (นิดเดียวพอ แค่เอาไว้ตัดหวานกันเลี่ยน) 5. หัวกะทิ 9-10 ช้อนโต๊ะ (ไม่มีแบบคั้นสดก็เอาแบบกล่องก็ได้ แก้ขัด) 6. ใบเตย 3-4 ใบ (ล้างแล้วก็เอามามัดรวมกัน) นำส่วนผสมทุกอย่างใส่ลงในชาม (ยกเว้น ฟักทอง) คนให้เข้ากันจนน้ำตาลและเกลือละลาย เอาใบเตยออกจากส่วนผสมแล้วเทใส่ลงไปในผลฟักทอง (ผลฟักทองที่ควักเมล็ดออกและล้างจนสะอาดแล้ว) นึ่งประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นให้เช็คดูว่าสุกหรือยัง (ส่วนตัวใช้ส้อมเสียบลงไปในตัวสังขยา ถ้ายังมีน้ำเยิ้มๆไหลออกมาแสดงว่ายังไม่สุก ให้นึ่งต่ออีกประมาณ 10-15 นาที) หลังจากสุกแล้ว ให้รอจนกว่าสังขยาฟักทองจะหายร้อนก่อน เพื่อให้สังขยาเกาะที่ตัวฟักทอง แล้วค่อยนำมาผ่าจัดใส่จาน ไม่อย่างนั้นจะปริและแตกเหมือนในรูป ลองผ่าให้แม่ชิมดู "หน้าตาไม่ค่อยสวย แต่รสชาติก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ดีกว่าเลียพื้นกระดานนิดนึง" แม่พูดแบบหน้าตาเฉยสุดๆ คำแนะนำ หลังจากคนส่วนผสมจนละลายแล้ว ให้กรองด้วยตะแกรงหรือผ้าขาวบาง เนื้อสังขยาที่ได้จะดูเนียนและน่ารับประทานยิ่งขึ้น เมื่อล้างผลฟักทองจนสะอาดแล้ว แนะนำให้แช่ในน้ำเกลือด้วย เพราะถ้าแช่น้ำเกลือจะช่วยชูรสชาติของตัวฟักทองได้อีกหลังทำเสร็จ เทตัวน้ำสังขยาให้เลยขอบบริเวณเนื้อฟักทองขึ้นมานิดหน่อย แต่ไม่ต้องถึงขอบเปลือก การทำ "สังขยาฟักทอง" ในครั้งนี้ทำให้ฉันค้นพบว่าการลองทำอะไรในครั้งแรกผลของมันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้ ขอแค่ตั้งใจทำและสนุกไปกับมัน เพราะทุกสูตรในโลกนี้ไม่มีอะไรตายตัว ขอแค่ให้คุณลองเริ่มทำ.....