หลักสูตรกระโดดร่มแบบพาราเซล เป็นหลักสูตรการเอาตัวรอดของนักบินเมื่อเครื่องบินเกิดเหตุขัดข้องเมื่อเท้าพ้นพื้นนั่นหมายถึงชีวิต หลักสูตรนี้เปิดสอน 3 แห่ง คือ 1. เรียน รด. ปี 4 ในส่วนของกองทัพบก 2. แผนกฝึกการยังชีพในส่วนของกองทัพอากาศ โรงเรียนการบินกำแพงแสน จ.นครปฐม 3. ชมรมการกำลังสำรองแห่งประเทศไทย RFAT จัดตั้งขึ้นเป็นกีฬาชนิดหนึ่งสำหรับผู้ใหญ่ที่สนใจ เหตุผลที่ผู้เขียนลงเรียนหลักสูตรนี้คือสานความฝันในวัยเด็กที่ไม่ทันได้สมัครหลักสูตรนี้สมัยเรียน รด. ปี 4 ตอนอายุ 19 ปี และส่วนตัวเป็นคนกลัวความสูงมากๆ แค่กระโดดหอ 34 ฟุตยังร้องลั่นเขาชนไก่ พอหลักสูตรนี้ได้จัดตั้งขึ้นจึงตัดสินใจสมัครเรียนตอนอายุ 26 ปี ฝึกภาคที่ตั้งทุกวันเสาร์ที่สนามกีฬามหาวิทยาลัยรามคำแหง และฝึกภาคสนามที่โรงเรียนการบินกำแพงแสน จ.นครปฐม (หมายเหตุ การฝึกภาคที่ตั้งอาจเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมของผู้ฝึกสอน) การฝึกภาคที่ตั้งจะทำให้เราคุ้นชินกับท่าทางในการลงพื้นมีทั้งหมด 6 ท่า 1. หน้าทางขวา 2.หน้าทางซ้าย 3.ทางขวา 4.ทางซ้าย 5.หลังขวา 6.หลังซ้าย และมีกฎอยู่ว่า บีบ 3 จุดให้แน่น ปลายเท้า ส้นเท้า หัวเข่า เก็บคอชิดอก ให้ดี 2. ฝึกลงพื้น 6-4 ฟุต จำลองสถานการณ์ในการลงพื้นลงอย่างไรให้ปลอดภัยที่สุด 3. ฝึกแต่งร่ม จำลองร่มกำลังขึ้นต้องทำอย่างไร ทรงตัวแบบไหน ฝึกรายงานก่อนการโดด วันฝึกภาคสนาม ณ โรงเรียนการบินกำแพงแสน 4-6 พฤษภาคม 2561 ฝึกวันที่ 1 (4/5/61) การฝึกวันแรกถึงโรงเรียน 11.30 น. ทานข้าวให้เรียบร้อยเปลี่ยนชุดฝึก และไปรวมพลพร้อมกันที่ สถานีฝึกวิ่งรอกเพื่อรอรายงานกับหัวหน้าแผนกการฝึกการยังชีพ มาเริ่มกันเลยกับสถานีที่ 1 สถานีบังคับร่ม สอนในเรื่องของชุดเซฟตี้ มีที่รัด 3 จุด หน้าอก ขาซ้าย ขาขวา การบังคับร่ม ชนิดร่มที่เราใช้โดดซึ่งเป็นร่มกลม ความสูงข้างบน 500-600 ฟุต สถานีที่ 2 สถานีฝึกท่าลงพื้น 6-4 ฟุต สอนในเรื่องการลงพื้น มีทั้งหมด 6 ท่า ทบทวนความจำที่ฝึกกันมาจากภาคที่ตั้ง หน้าทางขวา/ซ้าย ทางขวา/ซ้าย หลังขวา/ซ้าย มีกฎอยู่ว่า บีบ 3 จุดให้แน่น ปลายเท้า ส้นเท้า หัวเข่า เก็บคอชิดอก ให้ดี สถานีที่ 3 สถานีฝึกวิ่งรอก มองพื้น บีบ 3 จุด ถึงจุดที่ลงก็ลงตามสเต็ป จำลองการถึงพื้นแบบปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อตัวเอง การฝึกวันที่ 2 (5/5/61) หลังจากทานข้าวเสร็จก็ถึงเวลาเคารพธงชาติ รอรับฟังคำชี้แจงก่อนการฝึก และที่พิเศษคือ ได้เชิญธงชาติกับพี่อีกคนซึ่งหน้าที่นี้เคยทำครั้งสุดท้ายตอน ม.6 ก็ตื่นเต้นอีกครั้งคนละอารมณ์กับตอนเรียน วันนี้มาที่สถานีเดิมบังคับร่มเป็นสถานีแรกก็ไม่ยากวันนี้ครูแบงค์ทำกรวยลมมาให้ดูและให้หันตามลม หน้าทวนลมเสมอและปิดสถานี สถานีต่อไปลงพื้น 6-4 ฟุตเตรียมตัวลงพื้นพร้อมโดดแบบเปิดตอน ทำวนไปครูก็บอกให้แก้ตรงไหนยังไงเพื่อความปลอดภัยของเรา มาต่อที่วิชาการแต่งร่ม เรียนร่มแบบละเอียดในระดับหนึ่ง สอนตั้งแต่การแต่งร่ม ตรวจ รายงานความพร้อม ดูสัญญาณธงและการเลือกโดด มี 2 แบบ แบบไปกับเชือก และแบบปลดอิสระ ก็จะสอนวิธียิงสลักการนับและอื่นๆ กลับมาต่อที่สถานีลงพื้นวิ่งรอก เหมือนโดดน้ำเลยทำตัวให้ชินกับการลงพื้นแบบแน่นๆเน้นๆ ซ้อมวนไปจนมือพัง เมนมาอีกจ้าแทบหมดพลัง และแล้วการสอบก็มาถึง แบ่งเป็น 3 กลุ่ม แยกกัน ตั้งใจมากแต่ก็มีปัญหากับหลังซ้ายเหมือนเดิม สุดท้ายครูให้ซ่อม โอเคผ่านได้โดดในวันรุ่งขึ้น หลังจากนั้นกลับมาที่วิชาการแต่งร่มครูให้ลองทำทุกคน ดีว่าทำไปแล้วตอนเช้าก็นั่งดูคนอื่นทำไปพอทำจนครบก็ช่วยกันเตรียมเชือก ตรวจเชือก เตรียมชุดโดด วิ่งไปเชิญธงลงเหมือนเดิม มื้อนี้ข้าวหมูทอดแกงเขียวหวานจากไม่อยากกินนอนเลย ก็เปลี่ยนใจเพราะต้องการกินยาแก้ปวดท้องเมน กลับที่พักอาบน้ำสลบเหมือบคนแรกนอนยาวจนเช้าแถมโดนพี่ๆแกล้งแอบถ่ายตอนนอนตายอีก การฝึกวันที่ 3 วันโดดจริง (6/5/61) หลังนอนซ้อมตายตั้งแต่ทุ่มครึ่งเมื่อวานก็มาถึงวันโดดจริง วันนี้อาบน้ำเก็บของเก็บที่นอนผ้าปูผ้าห่มคืนที่ 6 โมงครึ่ง รวมพลรัทานข้าวเช้ากินไปได้ครึ่งกล่องเพราะเมนมาไม่หิวอะไรยกเว้นน้ำอย่างเดียว ช่วยกันขนของขึ้นรถไปสนามโดดที่ห่างออกไป 3 กม. เมื่อไปถึงไหว้ศาลประจำสนามและแบ่งเป็น 3 ชุด ลำดับ 1-5 รอโดด ลำดับ 6-10 เก็บร่ม ลำดับ 11-15 เก็บเชือก แล้วนี่อยู่ลำดับที่ 12 วิ่งเก็บเชือกก็โดนตัดกำลังละ วันนี้ลมมาทางขวาทำให้ร่มตกมาทางซ้าย สลงสลักก็ตามมาเช่นกันเกือบหัวร้างข้างแตกกันไป วิ่งหนีสลักหัวซุกหัวซุนอย่างฮา ส่วนใหญ่นักโดดลงหน้าศาลและกองหญ้าที่สูงประมาณหัวเข่า จะมีพี่บางคนลงถนนก็ปลอดภัยดี ส่วนตัวผู้เขียนลงหน้าศาลพอดีหอบร่มวิ่งรายงาน และในช่วงบ่ายมีพิธีปิดการฝึกที่หน้า บก.แผนกฝึกการยังชีพ และหัวหน้าแผนกการฝึกการยังชีพมอบประกาศนียบัตรให้แก่นักโดดที่ผ่านการฝึกในครั้งนี้ หลักสูตรนี้สามารถประดับปีกบนเสื้อได้ทั้ง 2 แบบ ทั้งของกองทัพอากาศ และของทางชมรมการกำลังสำรองแห่งประเทศไทย RFAT สุดท้ายเราก็ก้าวข้ามผ่านความกลัวความสูงได้สำเร็จและเป็นความภาคภูมิใจของเราที่ได้ทำตามที่เราตั้งใจไว้ ผู้เขียนหวังว่าคุณผู้อ่านจะได้อะไรจากบทความนี้ไม่มากก็น้อยนะคะ ถ้าหากสนใจกีฬาชนิดนี้สามารถสอบถามเข้าไปได้ที่ เฟสบุ๊คชมรมการกำลังสำรองแห่งประเทศไทย RFAT นะคะ ภาพหน้าปก : ภาพจากผู้เขียน