ทุกๆการเดินทางย่อมมีเรื่องราวระหว่างทางที่สวยงามเสมอ ก่อนอื่นสวัสดีผู้อ่านทุกท่านนะคะ วันนี้ดิฉันจะพามาท่องเที่ยวกับสถานที่ใกล้เมืองที่หลายคนมักแค่ขับรถผ่าน เพราะส่วนใหญ่ผู้คนมักจะชอบท่องเที่ยวในสถานที่ที่กำลังนิยมมากกว่า แต่สำหรับดิฉันสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ คือสถานที่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราว ความน่าหลงไหล และการสัมผัสกับสถานที่นั้นอย่างลึกซึ้งและเข้าใจ สถานที่ท่องเที่ยวที่ดิฉันจะมาแนะนำวันนี้อยู่ที่เมืองโอ่งมังกรค่ะ หลายคนคงเดาได้ไม่ยาก จังหวัดราชบุรีนั้นเอง แต่ดิฉันไม่ได้จะพาทัวร์โอ่งนะคะ แต่จะพาทุกท่านไปพบกับอีกมุมหนึ่งของราชบุรีที่ไม่ได้มีดีแค่โอ่งมังกร ถ้าทุกคนพร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ ภาพถ่าย:โดยผู้เขียน วัดขนอน หนังใหญ่ จังหวัดราชบุรี เป็นวัดหนึ่งในตัวจังหวัดที่ได้มีการอนุรักษ์วัฒนธรรมที่เรียกว่า หนังใหญ่ ที่นี้มีการเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ในตัววัด ที่ใช้ในการแสดง และเก็บรักษา หากผู้คนที่ได้มาที่วัดนี้นอกจากจะได้มาทำบุญแล้ว ยังได้ชมหนังใหญ่ของวัดขนอนอีกด้วย ซึ่งวัดแห่งนี้มีการออกแบบพิพิธภัณฑ์เป็นลักษณะของเรือนไทยสำหรับเก็บตัวหนังใหญ่ ไว้ให้แก่ผู้ที่สนใจเข้ามาชม รวมถึงที่นี้มีการเปิดให้ชมการแสดงหนังใหญ่ที่ปัจจุบันต้องบอกเลยว่าหาชมได้ยากมาก และที่น่าทึ่งกว่านี้คือที่นี้เข้าฟรีไม่มีการเสียค่าเข้าแม้แต่ค่าเข้าชมการแสดง แต่ส่วนใหญ่ผู้คนที่เดินทางมาที่นี้ล้วนแต่ให้เงิน เพราะเป็นการช่วยส่งเสริมและพัฒนาหนังใหญ่ของวัดขนอนให้คงอยู่ต่อไป เจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้ได้เล่าว่าที่นี้มีการฝึกสอนการแสดงทุกวันซึ่งผู้แสดงส่วนมากก็เป็นเด็กๆในระแวกชุมชน ที่มีความสนใจและอยากจะเข้ามาเรียนรู้ เจ้าอาวาสจึงมีการสอนและฝึกเด็กกลุ่มนี้ด้วยตัวเอง ซึ่งการฝึกนั้นก็จำเป็นต้องมีการคัดตัวแต่ล่ะบุคคล เนื่องจากตัวหนังใหญ่นั้นหนักและใช้การควบคุมโดยร่างกายเป็นส่วนมาก ดังนั้นจึงต้องอาศัยผู้ชายที่ตัวใหญ่ในการเล่าเรื่องตัวหนังที่หนัก แต่ทั้งนี้หนังใหญ่นั้นมีหลายประเภทจากที่เห็นในพิพิธภัณฑ์จะพบว่า หนังใหญ่จะมีทั้ง หนังง่าหรือนังเหาะ ซึ่งจะเป็นภาพบุคคลแค่คนเดียว ทำท่าทางหรือลักษณะในการยกขา หรืออิริยาบทอื่นๆ ซึ่งหนังลักษณะนี้จะไม่หนักมาก แต่หากเป็นหนังเมือง จะมีลักษณะใหญ่และเป็นฉากๆหนึ่งในเนื้อเรื่อง ซึ่งอาจมีหลายตัวละครอยู่รวมกัน ในท่าทางที่หลากหลายอิริยาบท ภาพถ่าย:โดยผู้เขียน ก่อนอื่นดิฉันอยากจะขอเล่าประวัติความเป็นมาอย่างคร่าวๆเพื่อที่จะให้ทุกคนรู้จักกับหนังใหญ่มากยิ่งขึ้น หนังใหญ่นั้นจริงๆแล้วมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยแต่การแสดงหนังใหญ่จริงๆนั้นเริ่มในสมัยอยุธยา และเริ่มรู้จักกันอย่างแพร่หลายในสมัยรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ที่ทรงพระราชนิพนธ์บทละครอิเหนาเพื่อใช้แสดงเพิ่มขึ้นจากเรื่องรามเกียรติ์ จนมาถึงในสมัยสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงเริ่มมีการทำตัวหนังให้เห็นเป็นหลักฐาน ซึ่งการแสดงหนังใหญ่ก็จะนิยมแสดงโดยเนื้อเรื่องที่เป็นรามเกียรติ์ ตัวหนังใหญ่นั้นทำมาหนังวัวหนังควายแล้วนำมาเเกะเป็นลวดลายที่หลากหลายตามตัวละคร ทำให้มีความหนักด้วยเนื้อหนังที่หนา ทำให้ผู้ที่ทำการแสดงหรือผู้เชิดอาจจะต้องใช้คน 2 คนต่อการเชิดหนัง 1 อัน ผู้ที่ทำการเชิดจะต้องมีการใช้นาฎศิลป์ในการขยับท่าทางให้เหมือนตัวละคร รวมไปถึงการแสดงออกของอารมณ์นั้นๆด้วย หนังใหญ่จะไม่เหมือนกับหนังตะลุงตรงการแสดง หากเป็นหนังตะลุงจะแสดงหลังฉากและใช้เงาในการเล่าเรื่อง แต่หนังใหญ่จะแสดงหน้าฉากคือเห็นทั้งหนังและตัวคนเชิด ภาพถ่าย:โดยผู้เขียน ในปัจจุบันการแสดงหนังใหญ่ยังคงหาชมได้ยาก แต่หากทุกคนช่วยการอนุรักษ์วัฒนธรรมการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ของเรา จะคงอยู่ไปอีกนาน ปัจจุบันวัดขนอนได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้ ให้การแสดงหนังใหญ่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศไทย ฉะนั้นเเล้วเราในฐานะคนไทยก็ต้องมีส่วนช่วยในการรักษาการแสดงนี้ด้วยนะคะ หวังว่าทุกคนคงอยากจะไปชมการแสดงหนังใหญ่ที่วัดขนอนแห่งนี้กัน ชมกันฟรีๆแล้วได้ความรู้เรื่องการทำหนังอีกด้วย การแสดงเเหล่านี้พวกเขาไม่ได้รับค่าแสดงแต่อย่างใดเลยนะคะ ได้เพียงเป็นการฝึก ซึ่งวัดขนอนได้เปิดการแสดงให้เข้าชมฟรีเฉพาะวันเสาร์ 10.00-11.00 แต่หากท่านสะดวกมาวันอื่นจะมีการเก็บค่าเข้าชมขึ้นอยู่กับจำนวนคณะในการเข้าชม แต่ทั้งนี้เพื่อความแน่ใจควรโทรไปสอบถามกับทางวัดที่ โทรศัพท์ : 089-555 4195 โทรสาร : 032-354 272 แต่หากจะเข้าชมแค่พิพิธภัณฑ์ฟรีทุกวันค่ะ ดิฉันหวังว่าทริปนี้จะทำให้ทุกคนชื่นชอบและหันมาสนใจในวัฒนธรรมที่น่าหวงแหนและคู่ควรกับการรักษาของเรานะคะ หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการเรื่องราวระหว่างการเดินทาง และได้รับความรู้อย่างเต็มเปี่ยม ทั้งเรื่องราวที่น่าหลงไหล ความเป็นมาที่น่าทึ้ง วัดขนอนแห่งนี้จะทำให้การออกเดินทางของคุณเป็นทริปที่ไม่น่าเบื่อและวุ่นวายอีกต่อไป แต่จะทำให้ทริปของคุณเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการแสดงของประเทศไทย.