เครดิตภาพปกฟรีจาก : https://pixabay.com/th/photos/zumba87-4308761/ สวัสดีค่ะผู้อ่านที่น่ารักทุกคน เทรนด์การออกกำลังกายนั้นยังเป็นที่นิยมกันอยู่เสมอในกลุ่มคนรักสุขภาพ และส่วนมากก็มักจะออกกำลังกายด้วยการเล่นกีฬาต่าง ๆ กัน เช่น เล่นแบทมินตัน เตะฟุตบอล และวิ่งมาราทอนเป็นต้น แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงกีฬาการออกกำลังกายชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Zumba ( ซุมบ้า ) กันค่ะ หลายคนอาจจะรู้จักกีฬาชนิดนี้และคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเป็นที่นิยมกันของคนที่อยากลดน้ำหนัก และในหมู่คนทำงานที่ต้องการผ่อนคลายความเมื่อยล้าหลังจากการทำงาน แล้วซุมบ้าเป็นอย่างไรกัน เครดิตภาพฟรีจาก: https://pixabay.com/th/photos/zumba-2382200/ ซุมบ้า เป็นการเต้นแบบ แดนซ์ เอ็กเซอร์ไซส์ หรือการออกกำลังกายด้วยการเต้นไปกับจังหวะเพลงที่สนุกสนานเร้าใจ คล้ายกับการเต้นแอโรบิกส์โดยจะมีครูเต้นนำให้เราเต้นตาม แต่ด้วยจังหวะและท่าทางในการเต้นนั้นทำให้สนุกกว่าการเต้นแอโรบิกส์ ในท่าที่ไม่ยากจนเกินไปจึงเป็นที่นิยมกันส่วนมาก ซึ่งจะมีคลาสในการเต้น ตามสถานที่ที่เป็นศูนย์รวมต่าง ๆ ของผู้คนอาจจะอยู่กลางแจ้งบ้าง ในโรงยิมบ้าง ในฟิตเนสออกกำลังกาย ต่าง ๆ บางที่ก็จะมีครูเปิดคลาสสอนเต้นอยู่ หรือศูนย์กีฬาในพื้นที่ต่างจังหวัดนั่นเอง อย่างเช่น ที่ศูนย์กีฬาเทศบาลบ้านโป่ง ราชบุรี ก็มีคลาสเต้นซุมบ้าอยู่ ซึ่งคือบ้านของผู้เขียนเอง ผู้คนส่วนมากก็จะมารวมตัวกันในยามเย็นหลังจากเลิกงาน ในกลุ่มเพื่อนบ้าง ครอบครัวบ้าง เพื่อถือโอกาสนัดพบปะกัน เพื่อผ่อนคลาย และออกกำลังกายกัน หรือถ้าเป็นใน กทม.ให้เพื่อนๆลอง search หาใน Google ดูว่ามีฟิตเนสไหนเปิดคลาสเต้นซุมบ้าบ้าง เครดิตภาพฟรีจาก: https://pixabay.com/th/photos/zumba-99-4308708/ ซุมบ้า เป็นการออกกำลังที่ดีอย่างหนึ่ง เพราะได้ขยับทุกส่วนของร่างกาย ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงสุขภาพดี และการที่ต้องใช้พลังในการเต้นอย่างมากก็ยังช่วยเผาผลาญไขมันอีกด้วย เหมาะสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เครดิตภาพฟรีจาก: https://pixabay.com/th/photos/zumba-99-4320907/ การออกกำลังกาย ด้วยการเต้นซุมบ้านั้น ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพดีก็จริง แต่จะไม่ค่อยเหมาะกับ ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่าง โรคหัวใจ ไขข้อ และหอบเหนื่อย เพราะการที่ใช้พลังในการเต้นเป็นอย่างมากนั้น อาจทำให้เกิดอันตรายได้ แทนที่จะได้ผลดีกลับได้ผลเสียมาแทน ดังนั้นทุกคนที่อยากจะลองไปเต้นดู ก็ควรจะคำนึงถึงร่างกายของตัวเองก่อนนะคะว่าไหวไหม จะได้ไม่สร้างความเจ็บป่วยให้กับร่างกายเพิ่มขึ้นนั่นเอง