คนไทยยวนอยู่ที่นี่ พวกเขาพร้อมที่จะเล่าเรื่องราวความเป็นเชื้อชาติที่มีมาอย่างยาวนาน ผ่านจิปาถะภัณฑ์สถานบ้านคูบัว ในชีวิตคนหนึ่งคนจะสามารถเป็นผู้ริเริ่มแนวคิดและเป็นจุดเปลี่ยนให้ชุมชนหันมาสนใจรากเดิมของตนเองได้มากแค่ไหน สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่ทิ้งความกลัว แล้วกล้าจะลงมือทำ ชาวไทยยวนมีถิ่นฐานเดิมอยู่ทางแถบอาณาจักรล้านนา ดินแดนทางตอนเหนือของประเทศไทย ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ชาวไทยยวนได้อพยพลงใต้ตามการกวาดต้อนของกองทัพกรมหลวงเทพหริรักษ์ที่ยกไปตีเมืองเชียงแสน แบ่งครัวออกเป็น ๕ ส่วน กระจายเป็นชุมชนในเมืองเชียงใหม่ นครลำปาง เมืองน่าน เมืองเวียงจันทน์ และส่วนสุดท้ายลงมายังกรุงเทพฯ จึงทรงมีพระบรมราชโองการให้ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองสระบุรีและราชบุรี ต่อมามีการขยายครัวออกไปจากเดิมอีกหลายพื้นที่ ตำบลคูบัวแห่งนี้ก็เป็นชุมชนหนึ่งที่มีชาวไทยยวนอาศัยอยู่ ซึ่งยังคงเก็บรวบรวมอัตลักษณ์ความเป็นเชื้อชาติ และภูมิปัญญาท้องถิ่นไว้ จากจุดเริ่มต้นความรัก ความคิด ความใส่ใจของคนที่ชื่อ “อุดม สมพร” คุณพ่ออุดม สมพร เดิมมีชื่อว่าเด็กชายเหี่ยว เป็นเชื้อสายชาวไทยยวนที่มีความคิด มานะพากเพียรจนได้เป็นบัณฑิตระดับปริญญาโทจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยนิสัยละเมียดละไมในการเก็บสะสม กอปรกับความรักในท้องถิ่นของตน ทำให้ท่านได้สร้างสรรค์ผลงานเพื่อการอนุรักษ์มรดก อันเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นไว้หลายประการ ซึ่งเก็บรวบรวมไว้ ณ “จิปาถะภัณฑ์สถานบ้านคูบัว” จิปาถะภัณฑ์สถาน เป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่รวบรวมความรู้เพื่อสืบทอดภูมิปัญญา จัดแสดงเกี่ยวกับวิถีชีวิต ประเพณี และเอกลักษณ์ของชาวไทยยวน คุณพ่ออุดมในวัย ๗๘ ปี เล่าถึงแนวคิดที่ชาญฉลาดไว้ว่า “เหตุที่ไม่ใช้คำว่าพิพิธภัณฑ์ เนื่องจากต้องการลดความเป็นหลักวิชาการเพื่อไม่ให้เกิดการโต้แย้งเกี่ยวกับการรับวัตถุ และการจัดแสดงที่ต้องตรงตามหลักของพิพิธภัณฑ์สากล” วัตถุจัดแสดงที่นี่เน้นบอกเล่าเรื่องราวชาติพันธุ์ท้องถิ่น ความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์ เก็บสะสมและอนุรักษ์ในแบบของชาวบ้าน โดยไม่ยึดติดกับคำว่า “ของเก่าต้องเข้าพิพิธภัณฑ์” เพราะท่านมองว่าจะเก่าหรือใหม่ ก็เล่าเรื่องราวได้ไม่ต่างกัน ที่นี่บอกเล่าความเป็นชาวไทยยวน ซึ่งลักษณะของชาวไทยยวนนั้น สังเกตได้จากผิวพรรณที่มีสีขาวเหลือง ภาษาพูดอันอ่อนหวาน สำเนียงราชบุรี แต่หากลองเดินช้าๆ พิจารณานานๆ ที่จิปาถะภัณฑ์สถานแห่งนี้ จะเห็นถึงหัวใจหลักอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยยวน นั่นคือ “การแต่งกาย” ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของชาวไทยยวนที่เป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ได้แก่ การทอผ้าจก มีทั้งที่เป็นผ้าซิ่น คือ ซิ่นตีนจก ซิ่นตา ซิ่นซิ่ว ซิ่นแล่ ผ้าปกหัวนาคจก ย่าม กระเป๋าคาดเอว ลายผ้าทอจกชาวไทยยวนมีหลากหลาย ล้วนมีลักษณะโครงสร้างเป็นลายเรขาคณิตคล้ายคลึงกับหลายชาติพันธุ์ แต่ข้อแตกต่างอยู่ที่กรรมวิธีและเครื่องมือในการทอผ้า “ผ้าคูบัวจะมีเล็บ มีเชิงชายและแถบสีเหลือง” ผ้าทอจกแต่เดิมมีสีโทนขรึมจากสีธรรมชาติ ปัจจุบันมีการพัฒนาการย้อมสีผ้าให้มีสีสันที่หลากหลาย ผ้าทอจกแต่ละลายจะใช้ตามวาระโอกาส หากมีประเพณีหรืองานสำคัญ ชาวบ้านก็จะนุ่งผ้าทอจกที่มีลวดลายมากตามการถักทอที่ซับซ้อนต่างจากลายผ้าที่ใช้ในชีวิต คุณพ่ออุดมเป็นกำลังสำคัญในการฟื้นฟูศิลปะผ้าทอจกไทยยวนราชบุรี โดยการจัดตั้งศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านราชบุรี และเป็นผู้อำนวยการศูนย์สืบทอดศิลปะผ้าจกราชบุรี ทั้งยังคิดค้น “ลายแคทราย” ลายผ้าลิขสิทธิ์ใหม่เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๘ โดยได้รับแรงบันดาลมาจากต้นแคทรายทรงปลูกของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีที่ออกดอกเป็นช่อสวยงาม ซึ่งเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของชาวไทยยวนราชบุรี ลายผ้าทอจกของชาวไทยยวนได้มีการต่อยอดผลงานในชุมชน โดยออกแบบตัดเย็บผ้าไทยให้เข้ากับยุคสมัย และสร้างลวดลายให้เป็นสินค้าที่ระลึกของชุมชนผ่านงานหัตถศิลป์ การก่อตั้งสถานที่แห่งนี้ ในช่วงเริ่มต้นต้องล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายครั้ง พบกับอุปสรรคมากมาย ทั้งเรื่องการบริหารจัดการ การประสานงานกับชุมชน และมีชาวบ้านบางกลุ่มที่ต่อต้าน แต่ท่านผ่านสิ่งเหล่านี้มาได้เพราะการประนีประนอม ค่อยๆทำความเข้าใจกับคนในท้องถิ่น พิสูจน์ตนเองจนเป็น “จิปาถะภัณฑ์สถาน” แห่งนี้ จากความคิดของหนึ่งคนที่ต้องการให้ลูกหลานสนใจรากเหง้าของบรรพบุรุษ สู่การจุดประกายแรงบันดาลใจให้คนในชุมชนหันมาอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น ความแห้งเหี่ยวของต้นไม้ทางวัฒนธรรมไทยยวนในวันนั้น ปัจจุบันได้รับการดูแลเอาใจใส่จนออกผลอันอุดมสมบูรณ์... “...อยากให้ลูกหลานเหลียวหลังมาดูอดีตบ้าง บรรพชนได้สร้างสรรค์อะไรไว้มากมาย ถ้าเราไม่รู้จักอดีตจะหมดความเป็นชาติ หมดเอกลักษณ์ เนื้อหาของชีวิตมีรากแก้วทั้งสิ้น หลายคนอนุรักษ์ผ้าเพื่อเก็บ แต่เราคิดอยากสร้างสรรค์งานผ้าให้เกิดมากกว่า ...ลายผ้าทุกลายล้วนเป็นมรดกของบรรพชน ถ้าเราเก็บไว้เพียงผ้า นานไปผ้าก็เก่าเรื่อยๆ คุณค่ามันอยู่ที่ความเก่าหรือเปล่า หากวันหนึ่งไฟเผาจะหมดไปไหม แต่ถ้าเราเก็บสิ่งที่เคยมีไว้เป็นองค์ความรู้ ไฟเผาก็ไม่หมด สืบสานต่อได้ อีกไม่นานที่นี่จะมีจิปาถะภัณฑ์สถานบ้านคูบัว เราจะเก็บองค์ความรู้เรื่องงานผ้าจกไว้ที่นี่...” อุดม สมพร คนที่นี่ใจดีและน่ารัก พร้อมที่จะให้ทุกคนเข้าไปเรียนรู้และสัมผัสวิถีชีวิตชาวไทยพวนกับพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน ณ จิปาถะภัณฑ์สถานบ้านคูบัว เรื่องและภาพถ่ายโดยผู้เขียน