"เราเดินทางกันมาไกลเพื่อถ่ายทำงานเล็กๆโปรเจคหนึ่ง เมื่อเทียบกับระยะเวลาในการถ่ายทำเกือบเต็มวันแล้ว วีดีโอของเราจะต้องถูกตัดต่อให้เหลือไม่เกินสองนาที ภาพเคลื่อนไหวที่มีอาจเป็นเศษเสี้ยวหนึ่งของการเดินทางแต่ถึงจะอย่างไรแล้ว เราจะเรียบเรียงมันออกมาให้เหมือนกับสิ่งดีๆที่พวกเราพบเจอ" นั่งรถไฟไปถ่ายทำหนังสั้น หลังจากได้รับโจทย์ให้สร้างสรรค์ผลงานวีดีโอคลิปสั้นๆเกี่ยวกับการค้นหาความสุข ผมกับเพื่อนก็ได้ค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวที่จะพอจะออกเดินทางได้แบบไปเช้า-เย็นกลับ สุดท้ายแล้วเป้าหมายที่คิดตรงกันนั้นก็อยู่ที่ "โพธาราม" เราออกเดินทางด้วยรถไฟสาย ธนบุรี - น้ำตก ด้วยค่าเดินทางแบบ 0 บาท นั่งชมวิว ดูวิถีชีวิตผู้คนริมทางรถไฟไปเรื่อยๆ อาหารและเครื่องดื่มพร้อมสรรพส่งตรงมาเสริฟกันถึงทุกที่นั่ง อาทิ ข้าวแกงห่อใบตอง หมูปิ้งข้าวเหนียว ไอศครีมกะทิสด และอีกมากมายที่พ่อค้าแม่ค้าขึ้นมาส่งกันในทุกสถานี เดินลัดเลาะผ่านสถานีรถไฟโพธารามาจนถึง "ร้าน Do นม ห้องนั่งเล่นโพธาราม" ร้านดูเป็นสไตล์บ้านไม้ไทยโบราณเข้ากับบรรยากาศตลาดได้เป็นอย่างดี ภายในร้านยังเปิดโล่งโปร่งสบายให้นั่งเล่นผ่อนคลาย บอกเลยว่ามานั่งได้ทั้งวันก็ไม่มีเบื่อ แถมยังมีขนมปังปิ้ง ปังเย็น แพนเค้ก ไอศกรีม และมีเครื่องดื่มให้ได้ชุ่มคอกันอีกด้วย เราจ้างมอเตอร์ไซค์ไปส่งที่วัดขนอน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า "หนังใหญ่" เป็นอย่างไร แต่เนื่องจากการแสดงหนังใหญ่จะมีเพียงรอบเดียวคือรอบ 11.00 โมงตรง พอเราไปถึงการแสดงก็เกือบจะจบลงเสียแล้ว ใครจะมาชมหนังใหญ่ควรจะวางแผนให้ทันกับเวลา พูดถึงศิลปะไทยที่ราชบุรีโด่งดัง ก็ต้องพูดถึงการแสดงหนังใหญ่ที่วัดขนอน แต่ก็มีทั้งโชคดีในโชคร้าย พอเราเดินต่อไปยังบริเวณริมแม่น้ำจนพบเจอกับการแข่งขันเรือยาวที่หาดูไม่ได้ง่ายๆ เดินเล่นงานวัดไซส์มินิอยู่พักใหญ่ เราก็รีบตรงกลับมายังพิกัด "ร้านเต้าหู้ดำ แม่เล็ก" มาลองลิ้มชิมรสก่อนจะกลับไปยังสถานีรถไฟเพื่อเดินทางกลับบ้าน นับเป็นมินิทริปแบบเที่ยววันเดียวได้ครบรส แถมได้คลิปหนังสั้นเอาไปส่งประกวดได้อีกด้วย การเดินทาง - เราออกจากกรุงเทพฯ ประมาณ 6.00 เช้า นั่งรถไฟสายธนบุรี - น้ำตกเที่ยวแรก - พอใกล้ๆ ให้สังเกต ป้ายสถานีโพธารามที่โชว์เด่นเป็นสง่า อากาศดีๆยามเช้าชวนให้เราก้าวเท้าออกมาเจอประสบการณ์ใหม่ๆ และรถไฟนี่แหละคืออีกหนึ่งการเดินทางที่เราอยากลิ้มลอง แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ ถ้ำมองและสำรวจวิถีชีวิตชาวบ้านริมสองฝั่ง พร้อมกับต้อนรับความรู้สึกๆดีจากการเดินทาง เมื่องานศิลปะจากฝีมือมนุษย์ผสมปนเปกับสนิมที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ เกิดขึ้นบนขบวนรถไฟที่ถูกทิ้งร้าง สถานีรถไฟโพธาราม ยังคงไว้ซึ่งความสวยงามและมีเสน่ห์ ร้าน Do นม บ้านไม้เก่าแก่ที่ถูกปรับแต่งให้เป็นคาเฟ่ ความโปร่งโล่งสบายทำให้มานั่งทำงานไป ดื่มนมเย็นไป ได้ทั้งวัน ปังเย็นหวานฉ่ำ กระตุ้นให้หัวใจกระชุ่มกระชวย เมื่อพลาดจากหนังใหญ่ เราก็พบกับประเพณีแข่งขันเรือยาวที่ยิ่งดูแบบใกล้ชิดก็ยิ่งมันส์ งานวัดเล็กๆภายในวัด มีกิจกรรมยิงปืนชิงตุ๊กตา ใครอยากทดลองความแม่นยำ ก็มาประลองกันได้ ภายในวัดมีจุดที่แสงตกกระทบหลายต่อหลายจุดจนน่าแปลกใจ ในเมื่อมีกล้องอยู่ในมือ เราก็ขอเอาทฤษฎีแสงกับเงามาเก็บภาพให้ครบกันทุกมุม "เต้าหู้ดำ" ใช้เวลาต้มในน้ำพะโล้ด้วยไฟกรุ่นๆเป็นเวลา3 วัน วันที่ 4 ถึงจะวางขายหน้าร้านได้ ตามตรอก ซอก ซอย ในโพธารามยังมีพื้นที่มากมายให้โพสท่าเก็บภาพ จบทริปนี้กันแบบผลอยหลับ เนื่องจากหนังท้องที่ตึงเปรี๊ยะจากร้านขนมหวานที่หน้าสถานี ค่าเสียหายของทริปนี้ ค่าเดินทางไป 0 บาท (2 คน) ค่ามอเตอร์ไซค์ไป-กลับวัดขนอน 120 บาท (2 คน) ค่าอาหาร-ขนม 280 บาท