วัดนิเวศธรรมประวัติ ที่อำเภอบางปะอิน จังหวัดอยุธยา โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบ โกธิค ของยุโรป ( สถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่โดดเด่น ก็คือ จะมีซุ้มโค้งแหลมหรือ ARCH ส่วนบนหลังคาก็จะมียอดแหลมสูงหลายยอด จะเป็นหอคอยหอระฆัง ผนังแต่จะด้านก็จะเจาะหน้าต่างที่มีซุ้มโค้งแหลมมากมาย เพราะวิทยาการการสร้างก้าวหน้าขึ้น ไม่ได้ใช้กำแพงผนังรับน้ำหนักเหมือนยุคก่อน ๆ หน้านั้น ตามซุ้มหน้าต่างผนังที่เจาะก็จะมีกระจกสี STAIN GLASS ประดับ ด้านในอาคารก็จะมีเพดานสูงโปร่ง ) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2419 แล้วเสร็จในปี 2421 เพื่อใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อพระองค์เสด็จมาประทับที่พระราชวังบางปะอิน ก็คือ เป็นวัดหลวงนั่นเองครับ รัชกาลที่ 5 ทรงอยากให้มีวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่แตกต่างออกไปจากวัดไทยที่มีอยู่เยอะแล้ว อย่างที่ทราบกันดีว่า พระพุทธเจ้าหลวงทรงโปรดปรานสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ในรัชสมัยมีการสร้างพระราชวังแบบยุโรปมากมาย และเพื่อให้ชาวตะวันตกเห็นว่า สยามเป็นประเทศทันสมัยเปิดรับอารยธรรมตะวันตก ( MODERNIZATION ) ส่วนการสร้างวัดวังแบบไทยมีการสร้างอย่างมากมายทุกรัชกาล ตั้งแต่เริ่มสร้างกรุงเทพฯ วัดนิเวศธรรมประวัติ ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา จะเยี่ยมชมวัดนี้มีทางเลือกเดียวครับ คือ ต้องนั่งกระเช้าข้ามไป จุดขึ้นลงกระเช้าไฟฟ้าก็อยู่ตรงที่จอดรถพระราชวังบางปะอินนั่นเอง สามารถจัดไว้เป็นทริปเดียวกันได้เลย ปัจจุบันกระเช้ามี 2 ตัว ทาสีและประดับลวดลายแบบขนมปังขิงสวยงาม บริเวณจุดขึ้นลงด้วยครับ กระเช้าสามารถบรรทุกได้ครั้งละ 6-8 คน จะควบคุมโดยเจ้าหน้าที่หรือพระสงฆ์ของวัดนิเวศธรรมประวัตินั่นเอง จุดควบคุมก็อยู่ฝั่งบนเกาะพื้นที่ของวัด เมื่อเราข้ามไปแล้ว ไม่ต้องเสียค่าเข้าชมวัด แต่สามารถจะทำบุญทำกุศลได้แล้วแต่จิตศรัทธาครับ พระอุโบสถ ที่ภายนอกเป็นศิลปะแบบโกธิค ดูแล้วคล้ายโบสถ์คริสต์ ด้านในก็ยังมีการออกแบบตกแต่งแบบสไตล์ยุโรป ซึ่งออกแบบโดย JOACHIM GRASSI สถาปนิกยุโรป ที่เข้ามาออกแบบอาคารสถาปัตยกรรมยุโรปในสมัยรัชกาลที่ 5 อย่างมากมาย เช่น วังบูรพาภิรมย์ วังท่าพระ วังวินเซอร์ ( ปัจจุบันเป็นสนามกีฬาแห่งชาติ ปทุมวัน ) โบสถ์คอนเซ็ปชั่น ตามช่องหน้าต่างก็จะประดับด้วย กระจกสี ( STAIN GLASS ) จากอิตาลี ถ้าไปช่วงบ่าย ๆ จะเห็นแสงแดดสาดส่องผ่านกระจก สีสันหลากสีของกระจกไปที่พื้นหินอ่อน สวยงดงามไปอีกแบบ พระประธาน คือ พระพุทธนฤมลธรรโมภาส พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้หล่อขึ้นในปี พ.ศ.2420 ด้านในของประอุโบสถ มีเพดานสูงตามแบบสถาปัตยกรรมการก่อสร้างแบบโกธิค ผนังด้านประตูทางเข้า เหนือยอดประตูซุ้มแหลม มีกระจกสีเป็นพระบรมสาทิศลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 ขออภัยที่ไม่มีรูปมาให้ดูครับ ไม่ใช่เฉพาะพระอุโบสถอย่างเดียวที่เป็นสไตล์ยุโรป มีอาคาร และกุฏิสงฆ์ ที่สร้างขึ้นในสมัยเดียวกัน ด้วยสไตล์ยุโรปอย่างสวยงาม วัดนิเวศธรรมประวัติ เป็นวัดทีหลายปีหลัง มีคนแห่มาถ่ายรูปกันมากมาย ทั้งแบบถ่ายโฆษณา ถ่ายแนวศิลปะ แนวย้อนยุค หรือถ่ายพรีเวดดิ้ง ก็เคยเป็นที่นิยมมาก ขอให้คิดซะว่า เป็นวัดนะครับ ยังไงก็ต้องมีความสำรวมทั้งกิริยา มารยาท และการแต่งกายควรมิดชิด เป็นตัวอย่างที่ดีให้ชาวต่างชาติด้วย ผมเคยเช็ครูปถ่ายในโซเชียลเน็ตเวิร์ควัดที่คนไปเยอะ ๆ ปรากฎว่า เจอรูปที่ไม่ค่อยเหมาะสมเยอะเลย ตำหนักสมเด็จเจ้าพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เมื่อครั้งทรงผนวชและจำพรรษาที่วัดนิเวศธรรมประวัตินี้ เป็นอาคาร 2 ชั้นทาสีเหลือง หลังคามุงกระเบื้องและมีลายฉลุหน้าจั่ว และซุ้มหน้าต่างลวดลายสวยงาม ตอนไปถ่ายต้นสาละออกดอกพอดี สีสัน เหมือนอยู่ต่างประเทศไปอีก เมื่อพูดถึงต้นสาละ ตามพุทธประวัติ มีกล่าวถึงอยู่หลายช่วง เช่น เมื่อพระพุทธเจ้าประสูติ และปรินิพพาน และในประเทศไทยก็เห็นต้นสาละแบบนี้อยู่มากมายโดยเฉพาะในวัด แต่หลัง ๆ เมื่อโลกแคบลง มีการค้นคว้าข้อมูลให้ถูกต้องมากขึ้น เราถึงได้รู้กันว่า ต้นสาละแบบที่เราเห็นแบบนี้ มีดอกและผลลูกกลม ๆ หรือจะเรียกกันแบบบ้าน ๆ ว่า ต้นลูกปืนใหญ่นั้น เป็น "ต้นสาละลังกา" ซึ่งเป็นคนละชนิดกับต้นสาละอินเดีย ซึ่งเป็นสถานที่จริงในสมัยพุทธกาล ต้นสาละอินเดียเป็นต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เนื้อแข็ง ที่ประเทศอินเดียเอามาสร้างบ้าน ทำสะพาน เป็นไม้หมอนรถไฟ เฟอร์นิเจอร์ ก็ได้ วัดนิเวศธรรมประวัติ ยังมีสิ่งก่อสร้างอีกมากมายในความเป็นวัดไทยแท้ ๆ แต่อยู่ในสถาปัตยกรรมแบบยุโรปแท้ ๆ อีกหลายจุดที่น่าสนใจ เช่น นาฬิกาแดดจากเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี หอพระคันธารราษฎร์ที่ประดิษฐานพระคันธารราษฎร์ปางขอฝน ต้นพระศรีมหาโพธิ์ หรือกุฎิสงฆ์แบบฝรั่งสีสันสวยงามมากครับ เรื่องและภาพ โดย Boo Planet