พื้นที่ส่วนใหญ่ของชุมชนบ้านกลางขุย หรือ “บ้านขุย” ที่ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลหนองไม้ซุง อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังเป็นทุ่งนา ข้าวปลา-น้ำท่ายังบริบูรณ์ดี การหาปลาช่อนนาตัวเขื่องๆ เนื้อแน่น สัก 2-3 ตัวมาทำ “น้ำยา” เพื่อกินคู่กับขนมจีน จึงเป็นเรื่องที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรง คนบ้านขุย มีฝีมือในการทำอาหารอยู่แล้ว โดยเฉพาะการทำ "น้ำยาปลาช่อนนา" ของที่นี่ เป็นสูตรโบราณซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น มาหลายช่วงอายุคน เคล็ดลับสำคัญในการทำ “น้ำยาปลาช่อนนาบ้านขุย”อยู่ที่การใช้เครื่องปรุงที่คัดสรรมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกระชายป่าที่หัวป้อมๆ หางสั้นๆ ที่ให้กลิ่นฉุนจัด ซึ่งใช้ในปริมาณมาก กระเทียมหัวป้อมที่หอมกว่ากระเทียมทั่วไป ใช้หอมเนื้อแน่น และพริกแห้งสีแดงสด เพื่อให้สีสันสวยงามชวนกิน ที่สำคัญปลาช่อน จะต้องเป็น “ปลาช่อนนา” ที่อยู่ตามท้องนาเท่านั้น น้ำหนักตกกิโลเศษต่อตัวกำลังดี หากตัวเล็กไปจะไม่ได้เนื้อ และต้องทุบหัวปลาเป็นๆ ผ่าท้องล้างแล้วลงหม้อต้มทันที อย่าทิ้งให้ปลาตายนานเกินชั่วโมงจนตัวปลาแข็ง จะไม่อร่อย เคล็ดลับที่สำคัญอีกอย่างก็คือ การต้มปลาช่อนรวมกับเครื่องปรุงต่างๆ ต้องต้มให้พอดี เพื่อคงความสด หวานมันของเนื้อปลาไว้ให้มากที่สุด ก่อนจะนำไปแกะเอาแต่เนื้อ แล้วโขลกผสมกับกระชายสด จนเนื้อปลาและกระชายละเอียด ผสมเป็นเนื้อเดียวกัน ขึ้นฟู ความโดดเด่นของ “น้ำยาปลาช่อนนาบ้านขุย” ก็คือน้ำจะข้นด้วยเนื้อปลา นุ่มลิ้น มันด้วยกะทิ หอมกลิ่นกระชาย สีสวยด้วยพริกแดง และเผ็ดกำลังดีชนิดตักกินเปล่าๆ ได้เลย แต่ถ้าจะกินให้อร่อยต้องหมั่นอุ่นน้ำยา และกินตอนร้อนๆ ยิ่งอุ่นบ่อย รสชาติยิ่งเข้มข้น เมื่อกินร่วมกับเครื่องเคียงอย่างใบแมงลัก ถั่วงอก หรือผักอื่นๆ ที่มีอยู่ดาดดื่นในชุมชนเองด้วยแล้ว ยิ่งอร่อยจนอดใจไม่อยู่ ต้องขอเพิ่มอีกจานเป็นแน่ “น้ำยาปลาช่อนนาบ้านขุย” ไม่เพียงแต่กินคู่กับขนมจีนได้เอร็ดอร่อยไม่มีใครเหมือนเท่านั้น แม้แต่นำไปคลุกข้าวสวยร้อนๆ กิน ก็ยังอร่อยไม่แพ้กัน ใครที่อยากลิ้มรส “น้ำยาปลาช่อนนาบ้านขุย” อาจต้องรอนิดหน่อย เพราะด้วยกรรมวิธีการปรุงแบบพิถีพิถัน ต้องใช้เวลากว่าค่อนวันจึงจะได้น้ำยารสเลิศสักหม้อหนึ่ง จึงไม่ได้ปรุงขายแบบปกติทั่วไป หากแต่จะทำเฉพาะในช่วงเทศกาลงานบุญหรือโอกาสพิเศษเท่านั้น ถึงกระนั้น ถ้าแม้นใครมีโอกาสได้ลิ้มลองแล้วละก็ บอกได้คำเดียวเลยว่าจะติดใจ