5 ทริคง่ายๆ ในการอ่านใจคน เพื่อล้วงความจริงที่ถูกซ้อนอยู่ [รับรองได้ผลชัวร์...] คนเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความซับซ้อนทางจิตใจ สมอง ท่าทางการแสดงออก ซึ่งบางครั้งการแสดงออกเป็นสิ่งที่สวนทางกับความรู้สึกและจิตใจซึ่งผู้อ่านจะมักจะได้ยินคำพูดประโยคนี้บ่อยๆ “การกระทำสวนทางกับคำพูด” ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพบเจอกับผู้คนที่เราพบปะเจอะเจอโดยบางทีเราอาจไม่ได้เอะใจเลยแม้แต่นิดเดียว ว่าสิ่งที่ฝ่ายตรงข้างสื่อสารหรือแสดงออกมา เป็นเป็นสิ่งเดียวกับสิ่งที่อยู่ในความรู้สึกจิตใจไม่ได้กำลังบิกเบือนหรือโกหกเราอยู่นั้นเอง บทความนี้ผู้เขียนจะแนะนำ 5 ทริคง่ายๆ ในการอ่านใจคนเพื่อล้วงเอาความจริงที่ถูกปิดบังอยู่ผู้อ่านสามารถเอาไปปรับใช้ได้เลย รูปภาพโดย suju จาก Pixabay1. คนโกหก...มักจะไม่โกรธ แต่...มักจะหาข้ออ้างแทนตัวอย่างสถานการณ์ แผนกจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า ณ ห้างแห่งหนึ่ง ลูกค้าได้แจ้งเคลมสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้ซื้อไปเมื่อวันก่อน โดยได้แจ้งแก่พนักงานว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ทำงาน ลูกค้ามีใบเสร็จ และตัวสินค้าอยู่ในสภาพดี แต่เมื่อพนักงานตรวจเช็คแล้วพบว่ามีชิ้นส่วนตัวหนึ่งได้หายไป และมีโอกาศสูงที่ทางลูกค้าเองจะเป็นคนขโมยไปเอง วิธีการจับขโมยโดยใช้การจับโกหกของคู่สนทนา โดยลองแจ้งว่ามีชิ้นส่วนหายไป ลูกค้าแสดงอากัปกิรายาออกมาว่าโกรธหรือไม่?เมื่อเราถามว่า “คุณลูกค้า เราตรวจเช็คสินค้าแล้วอยู่ในสภาพปกติดี แต่เราพบว่ามีชิ้นส่วนหนึ่งที่หายไป”ให้สังเกตุคำตอบของลูกค้าดังนี้ลูกค้าตอบแนวคำตอบว่า “ผมไม่ได้เอาไปนะ สินค้ามันไม่ดีตั้งแต่แรกหรือเปล่า”ลูกค้าโกรธและโวยวาย “นี่คุณเอาของไม่ดีมาขายได้ยังไง ของแบบนี่ทำให้เสียเวลาจริงๆ”ถ้าไม่ได้ขโมยจริงๆ คำตอบจะเป็น ข้อ 2 เพราะทำมห้เขารู้สึกโกรธ ส่วนคนที่แก้ตัวทั้งที่ยังไม่ได้ถามก็สามารถเดาได้ว่าเขาพยายามหาข้ออ้างนั้นเอง รูปภาพโดย RyanMcGuire จาก Pixabay2. จับคนโกหก...ด้วยข้อมูลปลอมๆตัวอย่างสถาณะการณ์ หากคุณเริ่มจับสังเกตุได้ว่า ลูกน้องหรือคนในทีมทำผิดกฏบริษัท เช่นหนีแอบนอนในเวลางาน และถ้าลูกน้องคนนี้มีสิ่งที่ชอบทำเป็นประจำคือชอบสูบบุหรี่หลังจากที่ไปแอบหลับมา เมื่อไต่ถามลูกน้องก็บอกปฏิเสธ และเราก็ไม่มีหลักฐานแน่ชัดมัดตัวผู้กระทำผิด ให้ลองใช้วิธีนี้ดู วิธีจับคนโกหกด้วยการให้ข้อมูลปลอมๆ โดยลองแกล้งเปรยๆว่า “ไปอ่านเจอข้อมูลวิจัยเมื่อวันก่อนว่า 62% ของคนติดบุหรี่ หลังตื่นนอนมักจะต้องสูบบุหรี่”หากลูกน้องเราไปแอบหลับมาจริงๆ เขาจะหยุดสูบบุหรี่ทันที แต่ถ้าเขายังคงสูบบุหรี่ตามเดิม นั่นแสดงว่าเขาไม่ได้ไปแอบหลับมา เลยไม่จำเป็นต้องหยุดสูบบุหรี่เพื่อกลบเกลื่อนความจริงรูปภาพโดย RyanMcGuire จาก Pixabay3. อย่าหลงเชื่อ...แสดงสีหน้าที่สวนทางกับความจริงคนส่วนใหญ่มักไม่ได้แสดงสีหน้าออกไปตามอารมณ์ที่แท้จริงของเขาเท่าไรนัก ด้วยเหตุผลบางประการ เช่นรักษาน้ำใจกันในบางครั้งเราก็แสร้งแสดงความรู้สึกบางอย่างเพื่อหลอกคนตรงหน้าเหมือนกัน เช่น เพื่อนในที่งานพูดว่า “ผมไม่ได้เตรียมข้อมูลมาเพื่อพรีเซ็นมาเลยแย่แน่ๆ ” แล้วทำสีหน้าออกเศร้าๆ คุณผู้อ่านเชื่อไหมว่าเขาไม่ได้เตรียมตัวมาจริงๆ… โรซานนา กัวดาโย นักจิตวิทยา ได้กล่าวว่า ผู้ชายมักชอบใช้วิธีแสร้งทำมากกว่าผู้หญิง เพราะผู้ชายต้องการมีข้อแก้ตัวไว้ในกรณีทำผิดพลาด จึงไม่ต้องการให้คนรู้ถึงความพยายามของตน เมื่อคนอื่นคิดว่าเราไม่พร้อม ทำผลงานได้ไม่ดี เราก็มีข้อแก้ตัว แต่ถ้าทำออกมาดี คนก็จะยิ่งชื่นชม รูปภาพโดย www_slon_pics จาก Pixabay4. ถามภาพรวม...เพื่อให้แสดงสิ่งที่อยู่ในใจออกมา ถ้าคุณต้องการล้วงความคิดนิสัยใจคอของคู่สนทนา ให้ลองถามคำถามที่เป็นภาพรวม เพราะจะทำให้คู่สนทนามักไม่ระวังตัวด้วยความคิดว่าไม่ใช่ของเรื่องตัวเอง และมีแนวโน้มจะตอบคำถามนั้นจากสิ่งที่อยู่ในใจ เช่น หากเราถามคู่สนทนาว่า(ผู้ชาย) “คุณนอกใจคนรักได้หรือไม่” ทุกคนคงตอบปฏิเสธ คงไม่มีใครยอมรับแต่โดยดีว่าสามารถทำได้ ให้เปลี่ยนคำถามเป็น “ถามแบบภาพรวมนะ คุณคิดว่าผู้ชายส่วนใหญ่นอกใจคนรักได้หรือเปล่า” แบบนี้จะล้วงคำตอบและความคิดของคู่สนทนาของอีกฝ่ายได้ รูปภาพโดย AbsolutVision จาก Pixabay5. ขยับมือ...คือสัญลักษณ์ของความกังวล อาการที่สามารถบ่งบอกว่าบุคคลนั้นมีความกังวลใจ โดยจะแสดงออกมาทางอากัปกิริยา เช่น การขยับมือเล็กน้อย การขยับนิ้วด้วยความกระสับกระส่าย และการจับที่พักเก้าอี้แน่น หากผู้อ่านสังเกตุให้ดี ให้ดูที่มือซึ่งจะบอกได้ว่าอีกฝ่ายกังวลหรือไม่ ยิ่งหากมีอาการเลียริมฝีปาก หายใจแรงหรือติดขัด นั้นคือสัญญานของบุคคลนั้นมีความกังวลอยู่มากมายสุดท้ายผู้เขียนขอให้หวังว่าบทความนี้จะพอที่จะแนะนำประโยชน์ให้แก่ผู้อ่าน แล้วพบกันในบทความถัดไปนะครับ สวัสดี_____Photos credit: Pixabay.com