สวัสดีค่ะ เมื่อ2-3ปีก่อน เคยได้ไปลองนั่งรถไฟ(ฟรี)จากกรุงเทพฯไปอยุธยา แล้วนั่งปั่นจักรยานรอบๆพระนครศรีอยุธยามา เลยอยากจะมาแชร์รูปและข้อมูล ไปดูกันเลยค่า วิธีการไปอยุธยา ถ้าขึ้นรถไฟก็ขึ้นต้นทางอยู่หัวลำโพง(สถานีกรุงเทพ) รถไฟจะจอดที่ตามสถานีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสามเสน บางซื่อ บางเขน หลักสี่ ดอนเมือง รังสิต จะขึ้นตรงไหนเลือกเอา แล้วอย่าลืมเช็คเวลาด้วยว่าจะไปช่วงเวลาไหน เพราะเดินทางไปก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง เมื่อมาถึงสถานีอยุธยา เดินออกไปก็จะเห็นถนนตรงข้ามสถานีเดินตรงไปเลย จะเจอท่าน้ำเพื่อข้ามฟาก ก็ลงเรือเสียคนละ 5บาท ขึ้นมาก็จะเจอร้านเช้าจักรยานและมอเตอร์ไซค์ เลือกร้านได้ตามใจชอบ ก็จะเสียค่าเช่าคนละ 50บาท พร้อมกับแลกบัตรประชาชน คืนก่อน 6 โมงเย็นนะ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ก่อนจะปั่นจักรยานก็ขอเต็มพลังด้วยข้าวราดผัดกระเพรา ก็เลือกร้านได้ตามสะดวกจ้า ตามแผนที่ สถานที่แรกที่ใกล้คือที่วัดมหาธาตุ ที่นี่เราจะเจอ Unseen Thailand เศียรพระในต้นไม้ในวัดมหาธาตุ ที่วัดมหาธาตุตลอดทางเราจะเจอซากปรักหักพัง บรรยากาศรอบๆวัดมหาธาตุ ถึงจะเจอแต่ซาก แต่อดีตน่าจะสวยงามอยู่ไม่น้อย ปั่นจักรยานไปตามแผ่นที่ เพื่อไป วัดธรรมิกราช วัดธรรมิกราช อดีตพระอารามหลวงในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีจุดเด่นที่ตัวโบสถ์เก่า ที่นี่จะได้เห็นเสาเก่าของโบสถ์ที่สูงใหญ่ คิดว่าของเดิมแรกต้นคงสวยงามน่าดูและยิ่งใหญ่เลยนะ เสียดายที่เหลือเพียงแค่นี้ ปั่นมาต่อกันที่ที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดพระศรีสรรเพชญ์ เป็นต้นแบบของ วัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดกระแก้ว กรุงเทพมหานคร หรือวัดมหาธาตุแห่งกรุงสุโขทัย แถมได้รับการพิจารณาเป็นมรดกโลกด้วย ซึ่งยิ่งใหญ่และสวยงามมาก ที่นี่เรารู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของการเป็นเมืองหลวงเก่า อลังการมาก เดินมาที่วิหารพระมงคลบพิตร(โดยเอาจักรยานไว้ที่พระศรีสรรเพชญ์) วิหารพระมงคลบพิตร ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ ใช้เส้นทางเดียวกับทางไปคุ้มขุนแผน วิหารพระมงคลบพิตรจะอยู่ถัดไปไม่ไกลนัก เดินมาที่คุ้มขุนแผน ซึ่งอยู่ใกล้กับวิหารมงคลบพิตร คุ้มขุนแผน เป็นตัวอย่างของหมู่เรือนไทยภาคกลางในรูปแบบเรือนคหบดีไทยสมัยโบราณ ชื่อเรือนไทยนี้ว่าคุ้มขุนแผน ซึ่งเชื่อกันว่าขุนแผนเคยต้องโทษอยู่ในคุกแห่งนี้ เดินมาต่อที่เพนียดช้าง ซึ่งอยู่ติดๆกับคุ้มขุนแผน เพนียดช้าง ที่นี้ถือเป็นจุดเด่นของวังช้างแห่งนี้เลยก็ว่าได้ เพราะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวด้วย ทั้งให้อาการและนั่งบนช้างด้วย โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและดูแลให้ จากนั้นก็ปั่นจักรยานไปศาลหลักเมืองต่อ ศาลหลักเมือง ที่ตั้งของหลักเมืองเดิมนั้น จากหลักฐานเอกสารทางประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ใกล้กับศาลพระกาฬและสี่แยกตะแลงแกง เนื่องในมหามงคลสมัยสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี ได้สร้างศาลหลักเมืองขึ้นใหม่ เพื่อเป็นสิริมงคล แล้วก็ปั่นจักรยานไปยังวัดโลกยสุทธาราม วัดโลกยสุทธาราม ตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย จะมีพระพุทธไสยาสน์ ปางไสยาสน์ ที่ใหญ่ที่สุดในเกาะเมืองอยุธยา พระพุทธไสยาสน์องค์นี้ได้รับการขุดแต่งโดยโรงงานสุรา ร่วมกับกรมศิลปากร เมื่อปี พ.ศ. 2497 ปั่นจักรยานมาต่อที่ป้อมเพชร ป้อมเพชร เป็นป้อมที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเมืองอยุธยา ในตำบลหอรัตนไชย ว่ากันว่า เป็นป้อมปืนใหญ่ก่อด้วยศิลาแลงมั่งคงแข็งแรง จุดเด่นของที่นี่คือจะเป็นจุดบรรจบของแม่น้ำสามสาย คือ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำลพบุรี มาดูเวลาอีกทีก็เกือบจะหกโมง ก็รีบปั่นจักรยานกลับไปคืนที่ร้าน เพราะกลัวจะตกรถไฟ เอาจริงๆคือ เที่ยวยังไม่หมดด้วยซ้ำ เสียดายมาก สุดท้ายนี้อยากจะแนะนำให้ลองมาเที่ยวแบบปั่นจักรยานดู เพราะคุ้มมาก ประหยัดและยังเป็นการออกกำลังกายไปในตัว แต่ต้องดูสภาพอากาศด้วย สิ่งสำคัญคือหมวก ใส่ไปเถอะ คุ้มค่ากับการเอามา ใครที่มีเวลาว่างสักวันก็ลองมาปั่นดู สนุกไปอีกแบบ