เอ .. มีวันหยุด 1 วันไปเที่ยวไหนดีนะ? ผมถามตัวเอง สายตาเหลือบไปมองปฏิทินที่มีรอยขีดฆ่าวันลาอันน้อยนิด มีที่ไหนบ้างที่ไม่ไกลจากเมืองกรุงเเล้วสามารถไปเที่ยวได้ภายในวันเดียว จนกระทั่งนึกขึ้นได้ว่า มีเมืองมรดกโลกที่อยู่ห่างจากกรุงเทพไปเเค่ 2 ชั่วโมงนี่เอง ใช่เเล้วครับ ที่นี่คือ 'กรุงศรีอยุธยา' เช้าวันเสาร์ ผมลืมตาตื่นตั้งเเต่เช้าตรู่ สองมือรีบคว้ากระเป๋าเดินทางที่จัดไว้ตั้งเเต่เมื่อคืนเเละมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟกรุงเทพหรือหัวลำโพงเพื่อให้ทันรถไฟรอบเช้า ใช้เวลาไม่นานหลังจากซื้อตั๋วราคามิตรภาพ 20 บาท ผมรีบจับจองที่นั่ง สักพักผู้โดยสารก็เริ่มทยอยขึ้นมาบนขบวน ไม่กี่อึดใจรถไฟก็ออกจากชานชาลา ความสนุกของการขึ้นรถไฟก็คือ การได้สัมผัสวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น บางคนก็เดินทางเพื่อนำของไปขาย บางคนก็กลับไปยังภูมิลำเนาที่จากมา มีคนที่ไปเที่ยวเเบบผมนี่เเหละ รถไฟแล่นผ่านสถานีเเล้วสถานีเล่า พ่อค้าเเม่ค้าประจำสถานีต่างผลัดเปลี่ยนขึ้นมาขายของกันอย่างสนุกสนาน เสียงตะโกนดังเซ็งเเซ่ไปทั่วขบวน 'ข้าวเหนียวไก่ทอด ยี่สิบบาทเลยจ้า' 'โค้ก สไปรท์ โอเลี้ยง น้ำเปล่าสิบบาท สิบบาท' พัดลมตัวเขื่องหมุนช้า ติดบ้างดับบ้างตามอายุขัยของมัน เเต่โดยรวมก็ไม่ได้ช่วยให้อุณหภูมิลดลงสักเท่าไหร่ ผู้โดยสารจึงต้องเปิดหน้าต่างเพื่อพึ่งพาสายลมของธรรมชาติเเทน เวลาผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ รถไฟก็เข้าเทียบสถานีอยุธยา ผู้คนทั้งชาวไทยเเละชาวต่างชาติเดินจ้ำลงมาจากขบวน ผมเดินออกมาจากสถานีเเละมุ่งหน้าไปยังร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ทันที วันนี้ตั้งใจว่าจะเเวะเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวอื่นที่ไม่ใช่วัดไชยวัฒนารามบ้าง เนื่องจากผมเคยมาเเล้วเมื่อปีก่อน จากร้านเช่ารถใกล้สถานีรถไฟ ใช้เวลาไม่นานผมก็ขับรถมาจอดอยู่ที่หน้า 'วัดมหาธาตุ' เพราะตั้งใจจะมาดูสิ่งนี้ครับ วัดมหาธาตุ มีเอกลักษณ์คือ คือ เศียรพระพุทธรูปโบราณมากกว่าร้อยปีที่ถูกปกคลุมไปด้วยรากไม้ เป็นศิลปะในสมัยอยุธยา คาดว่าเศียรจะหล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นเมื่อในอดีต จนเกิดเป็นภาพที่งดงามแปลกตา ทำให้วัดแห่งนี้กลายเป็นวัดที่มีชื่อเสียง รอบๆวัดมหาธาตุมีบรรยากาศที่ร่มรื่นเพราะปกคลุมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่เคล้าคลอซากโบราณสถาน ทำให้สถานที่เเห่งนี้มีทั้งเสน่ห์เเละความพิศวงรวมอยู่ด้วยกัน เเม้อากาศจะร้อนเเค่ไหนเเต่ผมก็ยังไม่ยอมเเพ้ ผมเริ่มออกรถอีกครั้งเเละมุ่งหน้าไปยัง 'วัดพระราม' ที่มีความสวยงามไม่เเพ้วัดไชยวัฒนารามเเละวัดอื่นๆในอยุธยาเลย วัดพระราม ตั้งอยู่นอกเขตพระราชวัง ทางด้านทิศตะวันออก ด้านตรงข้ามจะมีวิหารพระมงคลบพิตร วัดเเห่งนี้มีพระปรางค์ขนาดใหญ่ที่ก่อด้วยอิฐผสมปูนซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนต้น วัดพระรามมีอาณาเขตค่อนข้างกว้าง กว่าจะเดินเที่ยวชมจนทั่วเล่นเอาหอบเลยครับ ฮ่าๆ และเเล้วก็มาถึงสถานที่สุดท้ายในทริปนี้นะครับ เป็นสถานที่ที่อยู่นอกเมืองออกมาหน่อย นั่นคือ 'วัดภูเขาทอง' ก่อนจะเข้าสู่เขตวัดภูเขาทอง ด้านหน้าจะพบกับอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชตั้งตระหง่านให้นักเดินทางมากราบไหว้บูชาครับ หากใครสนใจสามารถซื้อชุดดอกไม้ธูปเทียนบริเวณด้านล่างได้เลย วัดภูเขาทอง อีกหนึ่งวัดโบราณในอยุธยา สร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระราเมศวร เมื่อปี พ.ศ. 1930 ภายในบริเวณมีเจดีย์ใหญ่ชื่อว่า เจดีย์ภูเขาทอง เป็นเจดีย์ที่สูงใหญ่ตั้งอยู่กลางทุ่งนา หลังจากเที่ยวชมเเละถ่ายรูปเจดีย์ภูเขาทอง ก็ได้เวลาที่จะต้องกลับเเล้วครับ ผมจองรถไฟขากลับไว้ตอน 15.30 นาฬิกา โดยผมจะต้องเอารถกลับไปคืนที่ร้านเเละนั่งรอรถไฟที่หน้าสถานี นับว่าเป็นวันหยุดที่คุ้มค่ากับการมาเที่ยวอยุธยา เพราะได้ทั้งความรู้ทางประวัติศาสตร์ เเละได้ยลโฉมความสวยงามของศิลปะในสมัยโบราณ ผมบอกกับตัวเองว่า ผมจะกลับมาเที่ยว 'อยุธยา' อีกอย่างเเน่นอนครับ สวัสดีครับ :)