การทาสีเล็บเป็นแฟชั่นที่นิยมกันเกือบจะทั่วโลก แต่สีทาสีเล็บธรรมดาก็ไม่ติดทน ลอกง่าย ทำให้มีการผลิตสีทาเล็บเจลขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านั้น เล็บเจลเป็นอีกหนึ่งแฟชั่นการแต่งเล็บของสาวๆ ที่มีมาตั้งแต่ปี 2014 จนถึงปัจจุบันก็ยังคงเป็นที่นิยมกันอยู่ โดยช่วงแรกๆที่การทาเล็บเจลเข้ามา ราคาค่อนข้างสูง และมีไม่มากนั้นค่ะ แต่ปัจจุบันก็สามารถหาทำได้ตามร้านเสริมสวย หรือร้านทำเล็บได้แล้ว สนนราคา ตั้งแต่ 350 – 500 บาท (เรทต่างจังหวัดราคาประมาณนี้ค่ะ) หรือบางร้านที่สืบทราบมาก็ หลักพันก็แล้วแต่ฝีมือช่าง และค่าครองชีพพื้นที่นั้นค่ะ โดยช่างทำเล็บที่จะทำเล็บเจลได้สวย ถูกใจ ก็ต้องผ่านการเข้าคอร์สเรียนมาก็จะดีไม่น้อยค่ะ เพราะนอกจากฝีมือ ความเชี่ยวชาญแล้ว ก็ไม่ง่ายสำหรับการที่จะทำออกมาได้สวยค่ะ โดยทั่วไปเราทราบกันดีว่า สีทาเล็บธรรมดา กับสีทาเล็บเจลจะมีความแตกต่างกันตรงที่สีธรรมดา ทาแห้งเร็วกว่า แต่ก็หลุดลอกง่ายกว่านั่นเองค่ะ เล็บเจล จะมีสีที่สดกว่า และความแวววาวของสี รวมถึงระยะเวลาในการทาสีเล็บเจลก็จะนานกว่าการทาเล็บแบบธรรมดา ถึงแม้จะมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่เพื่อความสวยก็ต้องอดทนค่ะ โดยปกติแล้วเล็บเจลจะอยู่กับเราประมาณ 2-3 อาทิตย์ บางคนอาจจะอยู่นานกว่านั้นค่ะ เพราะเมื่อโคนเล็บยาว เล็บเราก็จะดันใส่ส่วนที่ต่อเติมเข้าไป ซึ่งก็เป็นสัญญาณว่าถึงว่าเข้าร้านทำเล็บแล้วค่ะ ก่อนที่สาวๆ จะควักเงินไปทำเล็บสวยกันก็อย่าลืมเช็คไลฟ์สไตล์และความชอบของตัวเองก่อนนะคะ เพราะว่า การทำเล็บเจลเหมาะกับสาวๆที่สามารถรักษาเล็บสวย ๆ ปละที่สำคัญต้องเป็นคนที่ไม่เบื่อง่าย และมีเวลากับช่างทำเล็บเสมอนะคะ แต่ถ้าหากอยากลองว่าเหมาะกับเราไหม ปัจจุบันก็มีแบรนด์ชั้นนำที่ผลิตสีทาเล็บเจล ออกมาวางขาย สำหรับสาวๆที่อยากลองทาด้วยตัวเองที่บ้าน ลองเปิดหาคลิปวีดีโอสอนทาเล็บเจล ที่บ้าน ก็ไม่ยากเกินความสามารถค่ะ ถึงแม้จะลบยากกว่าการทาธรรมดาก็ตาม สีทาเล็บเจลที่หาซื้อได้ตามร้านค้าชั้นนำทั่วไป ซื้อมาทำเองได้ที่บ้านค่ะ (รูปภาพจาก :essence) เมื่อมีข้อดี ความสวยก็มีข้อเสียอยู่นะคะ ที่ว่าการทำสีเล็บ หากดูแลไม่ดีอาจเกิดเล็บเหลือง เล็บแข็ง เล็บเปราะง่าย อีกทั้งตอนที่ไปถอดเล็บช่างทำเล็บก็จะตะไบเล็บของเรา เพื่อให้เจล หลุดออก ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะโดนหน้าเล็บ เล็บบางได้ค่ะ ดังนั้น เราจึงควรบำรุงเล็บอยู่เสมอ และมีช่วงเวลาพักเล็บด้วยนะคะ ไม่ว่ายังไงสาวๆอย่างเราก็ดูแลรักษาเล็บให้ดูสวย สุขภาพดีเสมอ อยู่แล้วใช่ไหมคะ ครั้งหน้าจะมีเรื่องราวอะไรมาเล่าสู่กันอ่าน ก็ติดตามกันต่อด้วยนะคะ