ก่อนอื่นเลยผมขอบอกเพื่อน ๆ ว่าผมจะมารีวิวไม่ใช่สปอยนะครับ เพื่อที่จะให้เพื่อน ๆ ได้ไปติดตามหนังกันนะครับภาพจาก https://movies.universalpictures.com/media/gbk-tsr1sheet-rgb-3sm-5b7308033d1a5-1.jpgGreen Book หนังที่ได้แรงบันดาลใจในการสร้างจากเหตุกาณ์จริง ว่าด้วยเรื่องราวของสองคู่หูต่างขั้ว ต่างอารมณ์ที่จับผลัดจับผลูตระเวนเดินทางไปทั่วตอนใต้ของอเมริกาด้วยกัน มอร์เทนเซ่น รับบทเป็นโทนี ลิป พี่ล่ำขาใหญ่เชื้อสายอิตาเลียน การ์ดประจำโคปาคาบาน่า ไนต์คลับชื่อดังแห่งมหานครนิวยอร์ก ต้องผันตัวมาเป็นคนขับรถให้ มาเฮอร์ชาลา อาลี รับบทเป็น ดอน เชอร์ลีย์ นักเปียโนคลาสสิกผิวสีระดับโลกระหว่างที่เขาออกเดินสายขึ้นแสดงในยุค 60 สิ่งเดียวที่นำทางทั้งคู่คือคู่มือเล่มเล็กๆ ปกสีเขียวเล่มหนึ่งนอกจากจะมีหน้าปกสีเขียว คนแต่งก็ยังมีชื่อว่าเขียว V. H. Green หนังสือเล่มนี้เป็นคู่มือการเดินทางสำหรับคนผิวสี ที่จะบ่งบอกโรงแรมสามารถพักอาศัยได้ ร้านอาหารที่สามารถทานได้ และบอกสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงจากภัยอันตรายต่างๆ ที่เกิดจากการเหยียดสีผิวของมนุษย์ แต่ด้วยปมเหตุของเรื่องที่ผู้จัดสะท้อนค่านิยมของคนอเมริกันในยุค 60 เรื่องการเหยียดสีผิว หนังเรื่อง Green Book จึงถ่ายทอดปรับเปลี่ยนทัศนคติให้ผู้ชมได้ลองมองในมุมของคนผิวสีบ้าง จึงกลายมาเป็นเสน่ห์ในการดำเนินเรื่องที่ดูแล้วเพลิดเพลินพาทุกคนตกหลุมรักภาพจาก https://movies.universalpictures.com/media/still-2-5b737aad98b6e-1-5d37915758ca8-1.jpgเรื่องราวของ อาลี นักเปียโนผิวสีที่ว่าจ้าง คนขับรถผิวขาวเชื้อชาติอินตาเลี่ยนอย่างโทนี่ และต้องตะเวนทัวร์คอนเสิร์ตทางตอนใต้ของอเมริกาตลอดทั้ง 8 สัปดาห์ จากสองชายฉกรรจ์ที่ไม่รู้จักกันมาก่อนต้องมานั่งรถด้วยกันตลอด 2,000 กว่าไมล์ ทำให้ทั้งสองเริ่มแลกเปลี่ยนทัศนคติที่มีสีผิวเป็นเส้นตีกรอบด้วยกันทั้งคู่ หลังจากอาลี เล่นคอนเสิร์ตเสร็จแต่ละวัน ก็มักจะมีเหตุกาณ์ที่ทำให้โทนี่ปวดหัว และรีบมาช่วยเหลือเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทจนขั้นติดคุกติดตาราง หรือถึงขั้นยกเลิกคอนเสิร์ตกระทันหันก็ยังมี เหตุการณ์เหล่านั้นช่วยให้พวกเขาได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน จนเป็นเครื่องพิสูจน์ควรเป็นมิตรที่มากกว่าเพื่อนร่วมงาน หรือเรียกว่ามิตรแท้ต่างขั้วที่แท้จริงนอกจากนั้นเพราะการจากนิวยอร์ก จากบ้าน จากครอบครัวของโทนี่นั้น ทำให้ชายวัยกลางคนอย่างโทนี่ที่มีลูก 2 และภรรยาสุดสวยต้องพลัดพรากจากกัน จึงอาศัยช่องทางการเขียนจดหมายที่มีมนต์เสน่ห์แห่งความโรแมนติกระหว่างคู่รัก และความช่วยเหลืออย่างลึกซึ้งระหว่างมิตรแท้ที่อาลีมีต่อโทนี่ เนื่องด้วยจากอาลีเป็นผู้ที่ช่วยเกลาศัพท์ เกลาภาษาให้โทนี่อยู่หลายฉบับตลอดช่วงการเดินทางจนสิ้นสุดวันคริสต์มาสพอดิบพอดีภาพจาก https://movies.universalpictures.com/media/still-3-5b737ae94a821-1-5d379282ea01f-1.jpgที่สุดของความสุดของหนังเรื่องนี้ที่ผมชื่นชอบมากที่สุดคือดนตรีและเพลงประกอบหนัง ที่พาตกหลุมรักและอินไปกับบทของตัวละครมีกลิ่นอายของความวินเทจ Country ตลอดช่วงการเดินทาง ตัดสลับกับดนตรีคลาสสิกที่ อาลี แสดงคอนเสิร์ต ทำออกมาได้รื่นหู ฟังเพลินๆ แอบมีโยกหัวตามเบาๆ สุดท้ายนี้ถ้าใครที่ชื่นชอบการดูหนังแนวประวัติศาสตร์สะท้อนวัฒนธรรมของมนุษย์ ผมของแนะนำเรื่องนี้เลยครับ นอกจากรับชมแล้วรู้สึกบันเทิงยังได้ความรู้ ความคิด ความอ่านในมุมมองการใช้ชีวิตที่แตกต่างอีกด้วยครับ ส่วนตัวผม ผมขอให้คะแนนหนังเรื่อง Green Book คือ 9.5 /10 เลยครับ "เพราะทุกการเดินทางคือการเรียนรู้ คุณจะเรียนรู้เมื่อเริ่มเดินทาง" สวัสดีครับภาพปกจาก https://www.universalpictures.com/movies/green-book