พิษณุโลกมีร้านอาหารท้องถิ่นให้คนท้องถิ่นและผู้ไปเยือนได้สัมผัสกับรสชาติอาหาร จังหวัดคาบเกี่ยวกับภูมิภาคอื่นทั้งเหนือ กลาง อีสาน จึงเห็นความหลากหลายที่เป็นหนึ่งเดียวน่าสนใจ อาหารที่เป็นสูตรของชาวจีนโพ้นทะเลตั้งแต่บรรพบุรุษมีการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น โดยเฉพาะอาหารประเภท ก๋วยเตี๋ยว บะหมี่ ข้าวมันไก่ หมูสะเต๊ะที่มีสูตรเฉพาะตัวไม่เหมือนที่อื่น อีกสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปคืออาหารแขกที่เรามักเรียกเหมารวมมุสลิม อินเดีย ปากีสถาน ในส่วนของตัวจังหวัดปรากฏป้ายบอก “มัสยิดปากีสถาน” ชัดเจน หากใครสนใจด้านประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ พิษณุโลกย่อมเป็นอีกแห่งที่น่าสนใจเช่นเดียวกับจังหวัดอื่นทั่วประเทศไทย ในการมาเยือนพิษณุโลกเพียงช่วงประมาณหนึ่งสัปดาห์ของผู้เขียน การสอบถามคนท้องถิ่นเพื่อไปตามแหล่งอาหารที่มีความเฉพาะตัว เป็นร้านอาหารดั้งเดิมตามชุมชนและรับใช้ชุมชนมาเกินกว่าครึ่งศตวรรษ ย่อมทำให้เห็นการปรากฏขึ้นของเรื่องราวภายในห้องครัวของแต่ละแห่ง รวมถึงความเป็นมาที่สัมพันธ์กับประวัติศาสตร์เรื่องเล่าของชุมชน “บะหมี่โบราณ” ซึ่งในตอนหลังมีชื่อเล่นห้อยท้ายในวงเล็บว่า “ก๋วยเตี๋ยวรัฐมนตรี” เป็นร้านคู่บ้านคู่เมืองของชาวพิ’โลก (ชื่อเรียกแบบย่อของเมืองนี้) ผู้เขียนไปตามคำบอกกล่าวของคนท้องถิ่นที่ให้คำแนะนำโดยเฉพาะการย้ำเน้นถึง “เส้นบะหมี่ทำเอง” การตามพิกัดตามคำบอกเล่าจึงเกิดขึ้น หลานของผู้เป็นต้นตำรับทำบะหมี่โบราณทำเอง ซึ่งเป็นรุ่นที่สามของครอบครัว เล่าถึงการทำเส้นบะหมี่ของที่บ้านว่า ต้นตำรับบะหมี่โบราณ ‘แม่แดง’ ซึ่ง แม่แดงคือคุณย่าของหนูเอง ที่บ้านทำบะหมี่มาตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณย่า โดยคุณย่าจะทำและนำไปจำหน่ายที่ตลาด ไม่ได้เปิดเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวแบบในปัจจุบัน ต่อมาจึงพัฒนาสู่รุ่นคุณพ่อและคุณแม่จนกลายมาเป็นร้านบะหมี่โบราณถึงปัจจุบัน ผู้เขียนสอบถามอายุของการเริ่มต้นตำรับบะหมี่โบราณของแม่แดงว่าเกิดขึ้นในช่วงปีใด หลานสาวของร้านเล่าว่าคุณย่าแดงของเธอ ทำบะหมี่ขายตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หรืออาจจะก่อนหน้านั้นสักเล็กน้อย ซึ่งหากเทียบปีของเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่ 2 จะอยู่ในช่วงปี พ.ศ. 2484 ที่สงครามมหาเอเชียบูรพาอุบัติขึ้นและสิ้นสุดสงครามในปี พ.ศ.2488 เรียกได้ว่า บะหมี่โบราณแม่แดง ได้ผ่านห้วงเวลาสำคัญระดับโลก ประเทศ ภูมิภาค และยังยืนหยัดมาจนถึงปัจจุบัน บะหมี่โบราณ มีบริการ บะหมี่ เกี๊ยว ก๋วยเตี๋ยว วุ้นเส้น ต้มยำ หมูตุ๋น เกาเหลาหมูตุ๋น ข้าวเปล่า ลูกชิ้นลวก ตุ๋นแห้ง หมูหมัก รวมลวก เกี๊ยวทอด ซุปเห็ดหอม เครื่องดื่มมีโอเลี้ยง เก๊กฮวย กระเจี๊ยบ อัญชัญ และอาหารทุกอย่างไม่ใส่ผงชูรส ร้านตกแต่งด้วยของใช้โบราณสมัยคุณปู่-คุณย่า-คุณพ่อ-คุณแม่ ภายในร้านสะอาดสะอ้าน น่านั่ง มีทั้งห้องพัดลมและห้องปรับอากาศ(ไม่คิดเงินเพิ่ม) ระหว่างรออาหารที่สั่ง เดินชมข้าวของโบราณที่เก็บสะสมไว้ก็เพลิดเพลินและได้ความรู้จากวัตถุจัดแสดง รวมถึงการทำให้รู้ที่มาที่ไปของชื่อห้อยท้าย “ก๋วยเตี๋ยวรัฐมนตรี” มีรัฐมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี คนดัง ไปรับประทานที่ร้านนี่เช่นกัน จึงเป็นที่มาของชื่อสร้อยอีกชื่อหนึ่ง คนท้องถิ่นส่วนหนึ่งก็จะเรียกกันว่า ร้านก๋วยเตี๋ยวรัฐมนตรี อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเกร็ดให้กับคนอีกรุ่นคือการใช้เตาอบใบเมี่ยงหรือใบชาเป็นที่วางหม้อก๋วยเตี๋ยว จนอดสงสัยไม่ได้จึงสอบถามและพบว่าเจ้าของร้านช่างสร้างสรรค์ นำสิ่งดั้งเดิมมาดัดแปลงให้เกิดประโยชน์จนถึงปัจจุบัน อาหารเที่ยงประเภทก๋วยเตี๋ยวของพิษณุโลก นับเป็นอาหารจานเดียวที่สะดวก รวดเร็ว ในช่วงเวลาพักเที่ยง หากเป็นร้านดั้งเดิม ทำมาเนิ่นนานย่อมปรากฏร่องรอยเกร็ดความเป็นมาของร้านที่น่าสนใจ เช่นเดียวกับ บะหมี่โบราณ (ก๋วยเตี๋ยวรัฐมนตรี) Story and Photo by Nonglak Butler