สิ่งที่มนุษย์กลัวมากที่สุด นอกจากกลัวความสูง กลัวงู กลัวตาย กลัวขาดอิสรภาพและกลัวอะไรอีกหลายอย่าง.. แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าจากการสำรวจพบว่า สิ่งที่มนุษย์ส่วนใหญ่กลัวมากที่สุดอีกสิ่งหนึ่งคือการพูดต่อหน้าที่ชุมชน ซึ่งเป็นอันดับต้น ๆ ของความกลัวในจิตใต้สำนึก... แต่ก็ยังมีมนุษย์อีกประเภทหนึ่ง เป็นพวกชอบพูด ชอบแสดงออก ชอบแสดงตัวตนต่อสาธารณชนในรูปแบบการกล่าวสุนทรพจน์ หรือพูดต่อหน้าที่ชุมชน คนจำนวนมากในที่สาธารณะต่าง ๆ ไม่ว่าจะงานประชุม อบรม งานบวช งานแต่งงาน งานพิธีต่าง ๆ ชอบที่จะออกมาแสดงตัวตนเพื่อให้ตนเองได้รับการยอมรับ... ทว่าการพูดในที่ชุมนุมชนนั้น มีข้อควรระวังอยู่พอสมควร และเพื่อให้เกิดความเข้าใจในกระบวนการพูด จึงควรระมัดระวังการพูด 4 อย่างที่ไม่ควรใช้ เนื่องจากมืออาชีพเขาไม่ทำกันดังนี้... ประการหนึ่ง.. พูดออกตัว... การพูดออกตัวเป็นการบ่งบอกความไม่พร้อมของผู้พูดและแสดงถึงความไม่มั่นใจในการพูดครั้งนั้น ๆ เช่น "ท่านผู้มีเกียรติครับ.. ก่อนอื่นผมต้องบอกทุกท่านว่า ที่ผมมาเป็นพิธีกรในวันนี้ มาอย่างกระทันหัน ไม่ได้มีการนัดหมายมาก่อน แต่ก็เต็มใจที่จะมาทำหน้าที่. ตอนเช้าออกมารถก็ติดมาก และยังได้รับข้อมูลเมื่อสักครู่นี้เอง... บลา ๆ ๆ" ถ้าจะออกตัวแรงขนาดนี้.. ก็ไม่ควรมาทำหน้าที่ การเป็นมืออาชีพ ต้องทำได้ทุกครั้ง ทุกที่ ทุกเวลา เพราะฉะนั้น... ห้ามออกตัว.. ข้อที่๑ ประการที่สอง... มัวอ้อมค้อม.. คือพูดสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่จะนำเสนอ เช่น ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพครับ... งานฝึกอบรมวันนี้ เป็นงานสำคัญซึ่งผมเห็นว่า ถนนหน้าโรงแรมคับแคบมาก.. บริการก็ยังไม่สมราคา แถมเดินทางมาก็ลำบากเข้าซอยมาไกล ลิฟท์ก็อยู่ไกล ห้องน้ำไม่ค่อยสะอาด กระดาษก็ไม่มี... ฯลฯ... (ยังไม่เข้าเนื้อหา).. การพูดอ้อมค้อม ไปมาไม่เข้าเนื้อหาสักที นอกจาก ไม่ได้สาระแล้ว ผู้ฟังก็จะรู้สึกรำคาญ และจะไม่ค่อยได้สาระจากการพูดในครั้งนั้น ๆ มากนัก เพราะเมื่อเริ่มต้นก็อ้อมค้อมไปมาไม่เข้าเนื้อหา ผู้ฟังก็จะเอือมระอาไม่อยากฟัง... ประการที่๓.. ยอมถ่อมตน... หมายถึงพูดถ่อมตัวว่าตนเองไม่ได้มีความสามารถอะไรมากนักแต่จำเป็นต้องมาพูดหรือมาทำหน้าที่นี้... เช่น ท่านผู้มีเกียรติที่เคารพครับ ผมต้องขออภัยท่านไว้ ณ ที่นี้ก่อนครับว่า หน้าที่พิธีกรที่ผมได้รับครั้งนี้ ดูจะเป็นหน้าที่ที่ใหญ่เกินตัวของผม.. เพราะผมไม่เคยทำหน้าที่สำคัญแบบนี้มาก่อน .. และความสามารถผมก็อาจไม่เพียงพอ.. หากผมทำหน้าที่ไม่ได้ก็ขอให้รับรู้ไว้ก่อนนะครับ เพราะมันเกินความสามารถจริง ๆ การถ่อมตนจนคนฟังรู้สึกว่า.. เมื่อไม่มีความสามารถแล้วจะมารับหน้าที่ทำไมให้ผู้ฟังหรือเจ้าของงานเสียเวลาเสียเปล่า.. สู้ปฏิเสธงานการพูดไปเสียดีกว่า.. จะได้ไม่ต้องมาแก้ตัวแบบนี้... ประการที่๔ สาละวนขออภัย.. คือการพูดขอโทษขอโพยตลอดเวลา ทำให้ผู้ฟัง แทนที่จะให้อภัย กลับกลายเป็นหัวเสียไปมากกว่า... เช่น .. ท่านผู้ฟังที่เคารพ ผมต้องขอโทษท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่งครับเนื่องจากงานวันนี้ อาจมีความสับสน ไม่เป็นไปตามที่ควรเป็น ผมอยากขออภัยท่านเป็นอันมาก ว่างานที่ออกมา มันมีรายละเอียดมากมายก่ายกอง.. หวังว่าท่านคงให้อภัยกับผมด้วย ขอโทษนะครับ ขอโทษจริง ๆ... หากจะขอโทษขนาดนี้.. น่าจะเปลี่ยนพิธีกรใหม่ไปเสียเลย.. จะเป็นการดีกว่าไม่น้อย... ทั้ง๔ ประการนี้จึงเป็นข้อควรระวัง ในการพูดสุนทรพจน์สำหรับผู้ที่ปรารถนาที่จะประสบความสําเร็จในการพูดในที่ชุมชน.. คนไม่ชอบพูด คนพูดมาก คนพูดฟั่นเฝือ ฟุ่มเฟือย ไม่เป็นสาระ หากไม่พร้อมก็ไม่ควรรับงาน เพราะฉะนั้นการพูดที่ประสบความสำเร็จควรงด ออกตัว มัวอ้อมค้อม ยอมถ่อมตน สาละวนขออภัย... จึงเป็นข้อคิดควรจำสำหรับนักพูดเป็นอย่างดี... ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการพูดสุนทรพจน์นะครับ... @@@@@@@@ หมายเหตุ.. ภาพโดยผู้เขียนทั้งหมดและภาพปกโดยผู้เขียนเองครับ