ใช่แล้วครับทุกคนอ่านชื่อเรื่องไม่ผิดหรอกครับ สวัสดีนักอ่านที่น่ารักทุกท่านครับ วันนี้ผมมีทริปดี ๆ สนุก ๆ มาแชร์ให้ทุกคนได้ลองนำไปใช้กับแฟน คนรู้ใจ หรือคนที่เรากำลังจีบอยู่ก็ได้ครับ ทริปนี้เริ่มจากไม่มีจุดเริ่มเรื่อง อ่านไม่ผิดหรอกครับ ทริปครึ่งวันของผมไม่มีแผนว่าจะเป็นการเดินทางออกไปเที่ยวได้เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมกับแฟนไม่ค่อยได้พบกันครับ ต่างคนต่างทำงาน ต่างคนต่างต้องเรียนหนังสือ แล้ววันนั้นเป็นช่วงปีใหม่แฟนผมต้องไปจองตั๋วรถไฟที่สถานีรถไฟพิษณุโลก เพื่อที่จะเดินทางกลับลพบุรี ด้วยความที่ช่วงนั้นผมหลงใหลการถ่ายรูปเป็นเหตุ จึงทำให้เกิดความผญจภัยสุดท้าทายจารึกเป็นประสบการณ์ชีวิตอีกหน้าหนึ่งขึ้น ภาพถ่ายโดยผู้เขียน 11.00 น. แฟนของผมได้ซื้อตั๋วรถไฟกลับลพบุรี วันนี้เป็นวันหยุดที่แผนไว้ในหัวพอซื้อตั๋วเสร็จจะไปเดินไปถ่ายรูปเล่นตามรางรถไฟ โดยใช้กล้องฟิล์มให้ภาพล้างมาเหมือนอยู่ประเทศญี่ปุ่น ที่สถานีรถไฟชิงกันเซ็ง แต่ด้วยสภาพอาการที่ประเทศพิษณุโลกไม่เอื้ออำนวยกับเราสักเท่าไหร่ จึงได้มานั่งพักและนั่งกรอฟิล์ม แล้วหันไปคุยกันว่า "ไปถ่ายที่อื่นกันไหม" ที่อากาศเย็นกว่านี้ แล้วได้มุมสวยกว่านี้ เราทั้งสองคนเลยช่วยกันเสิร์ชหาข้อมูลสถานที่เที่ยวใกล้สถานีรถไฟพิษณุโลก ใช้เวลานานจนหายเหนื่อยแต่ปรากฎว่าข้อสรุปเรื่องสถานที่แปรผกผันกับเวลา เพราะไม่ได้ข้อสรุปเลย 12.30 น. "หิวข้าวแล้ว" ผมเริ่มงอแงเพราะกลิ่นไก่ย่าง ไส้ปิ้ง บนรถไฟหลาย ๆ ขบวนที่ผ่านไปแล้วผ่านไปเล่ามันช่างยวนยี พาน้ำลายสออยู่ตลอดเวลา แล้วเสียงสวรรค์ก็ได้เปล่งออกมาจากหลอดลมผ่านริมผีปากของแฟนผมว่า "เราไปนั่งรถไฟกันไหม" นั่นเป็นคำพูดที่ตรงกับใจผมเหลือเกินแต่ผมไม่กล้าพูดเพราะเรามีเวลาแค่ครึ่งวัน แถมถ้านั่งรถไฟไปตอนนี้เราจะไปที่ไหน แล้วจะได้กลับเมื่อไหร่ นั่นคือคำถามมากมายที่เราต้องแก้ปัญหาดุจเชอร์ล็อคโฮมกำลังจะไขคดี แต่ด้วยความคิดว่าถ้าใจเราจะไปอย่างไงก็ต้องได้ไปเพียงเท่านี้แหละ ความตื่นเต้นได้เริ่มต้นขึ้น 13.10 น. ผมได้เสิร์ชเข้าไปเว็บหนึ่งว่าสถานีรถไฟที่สวยที่สุดในประเทศไทย ดั่งพรจากฟ้าประทานมาให้ อันดับที่ 5 คือสถานีรถไฟพิจิตร ซึ่่งระยะห่างจากสถานีพิษณุโลกแค่ 2 สถานีใช้เวลาแค่ 30-50 นาทีในการเดินทาง ใช่ครับเวลานั้นผมสวมร่างเผด็จการเดินไปซื้อตั๋วรถไฟไปสถานีพิจิตรรอบที่เร็วที่สุดทันที ปรากฎว่าได้รอบ 13.18 น.เป็นขบวนรถเร็วปกติใช้เวลา 43 นาที ราคาตั๋วอยู่ที่นั่งละ 29 บาท ภาพถ่ายโดยผู้เขียน 13.20 น. โดยประมาณรถเลทนิดนึง สิ่งแรกที่ผมมองหาแน่นอนครับนั่นคือข้าวเหนียวหมูปิ้ง แล้วผมก้ได้กินจริง ๆ ครับ ได้กินข้าวกะเพราไข่ดาว เพราะขบวนนี้ไม่มีข้าวเหนียวหมูปิ้งขายครับ ระหว่างนั่งรถไฟไปวิวสองฝั่งข้างทางเต็มไปด้วยผืนนาข้าวของชาวนา บางผืนเขียวอร่ามตา บางผืนก็เหลืองทองพร้อมเก็บเกี่ยว ช่างเป็นภาพที่ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะได้เห็นผ่านช่องหน้าต่างรถไฟในขบวนที่เราไม่ได้เคยคิดว่าจะได้มาสัมผัสในชีวิตมาก่อน ภาพถ่ายโดยผู้เขียน 14.01 น. เท้าของผมได้สัมผัสสถานีรถไฟพิจิตรเป็นครั้งแรก ทันในนั้นผมไม่รีรอรีบจองตั๋วกลับพิษณุโลกโดยทันทีเพราะกลัวไม่มีรถกลับ ได้รอบประมาณ 16.00 น. ราคาที่นั่งละ 50 บาท ระหว่างนั้นก็เดินถ่ายรูปวนไปครับ จากการหาข้อมูลมาสถานีรถไฟพิจิตร เป็นสถานที่หนึ่งที่ได้รับความนิยม จากนักเดินทาง(ผมไม่เคยรู้มาก่อน) ที่ต้องการเดินทางโดยสารด้วยรถไฟ เพราะมีความสวยงามซ่อนอยู่ โดยเฉพาะตัวอาคารจะเป็นอาคารขนาดที่ไม่ใหญ่มาก แต่รูปแบบอาคารของที่ทำการสถานี แตกต่างไปจากสถานีอื่น เนื่องจากอาคารถูกสร้างในยุคสมัยรัชกาลที่ 5 รูปแบบก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น ผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ชั้นล่างเป็นที่ทำการ ห้องทำงานนายสถานี ห้องจำหน่ายตั๋ว ส่วนด้านบนเป็นที่พักของเจ้าหน้าที่ เป็นภาพที่แสนคลาสสิก เดินตรงไปทะลุสถานีไปอีกนิดจะพบกับตลาดนัดชานชาละวัน เป็นตลาดนัดที่มีทุกวันเสาร์ บริเวณตลาดมีทางเดินบ้านต้นไม้และมีร้านกาแฟให้ได้นั่งพักชมรถไฟแล่นผ่านอย่างสุดชิค เดินไปเรื่อย ๆ อีก 200 เมตร จะได้พบการหมู่บ้านยุคคลาสสิกโบราณ ริมแม่น้ำยม คงความวินเทจ เหมือนหลงมาอยู่ในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ภาพถ่ายโดยผู้เขียน 16.00 น. ฟิล์มที่ 32 ได้กดชัตเตอร์เป็นครั้งสุดท้ายนั้นหมายความว่าจบทริป แล้วผมก็แบตหมดตามม้วนฟิล์มไปตลอดทางขากลับมาพิษณุโลก ใช่ครับผมหลับมาตลอดทางเลย อาจจะเป็นเพราะผมเต็มอิ่มกับการได้ไปพักผ่อนแบบฉับพลันกับคนรู้ใจ แบบชิว ๆ ระยะทางใกล้ ๆ ใช้เวลาไม่มาก กับกล้อง 1 ตัว แค่นี้ก็สุดประทับใจแล้วครับ ผมคิดว่าถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อาศัยอยู่จังหวัดพิษณุโลก แล้วอยากจะพาแฟน คนรู้ใจ หรือคนที่เรากำลังตามจีบ ไปเที่ยวสักสถานที่หนึ่งที่ไม่น่าเบื่อ ใช้เวลาแค่ครึ่งวัน ทริปครึ่งวันกับคนรู้ใจ สถานีรถไฟพิจิตร น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคุณเลยครับ ภาพปกถ่ายโดยผู้เขียน