ใครจะคาดคิดครับว่า จากพื้นดินที่แห้งแล้งทุรกันดาร ไม่สามารถปลูกผักหรือพืชชนิดใดได้เลย พื้นดินแตกระแหง น้ำไม่มีเหลือเก็บ จะเปลี่ยนไปได้แบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ และที่นี่ก็คือพื้นที่ของตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ในอดีตนั่นเองครับ ซึ่งปัจจุบันพื้นที่เหล่านี้กลับกลายเป็นผืนป่าที่เขียวชอุ่ม มีพืชพันธุ์ชนิดต่าง ๆ มากมาย มีการทำการเกษตรแบบผสมผสาน มีการเลี้ยงสัตว์ชนิดต่าง ๆ ได้ผลผลิตมากมาย นั่นเพียงเพราะเหตุบังเอิญเพียงเหตุการณ์เดียว ที่ทำให้พื้นที่แห่งนี้เปลี่ยนจากพื้นที่แห้งแล้ง เป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ในที่สุด และที่แห่งนี้ก็คือ "โครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชดำริ" นั่นเองครับจุดเริ่มต้นของโครงการในพระราชดำรินี้เกิดขึ้นตอนที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงประทับอยู่ ณ วังไกลกังวล แล้วมีชาวบ้านนำมันเทศมาถวาย ซึ่งช่วงนั้นพระองค์ต้องเสด็จกลับมายังกรุงเทพฯ เลยรับสั่งให้เจ้าหน้าที่นำหัวมันเทศที่ชาวบ้านนำมาถวายนั้น ไปวางไว้บนตาชั่งในห้องทรงงาน ซึ่งหลังจากนั้นก็ทรงเสด็จกลับกรุงเทพฯ จนเวลาล่วงเลยผ่านมาเป็นเดือน พระองค์เสด็จกลับมายังวังไกลกังวลอีกครั้ง ทรงพบว่ามันเทศนั้นได้แตกใบขึ้น พระองค์เลยตรัสว่า "มันอยู่ที่ไหนก็งอกได้"ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น พระองค์ทรงมีพระราชดำริให้จัดหาที่ดินโดยใช้ราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อซื้อที่ดินจากชาวบ้าน นำที่ดินเหล่านั้นมาทดลองทำการเกษตร โดยพระองค์ทรงเลือกที่ดินที่มีความแห้งแล้ง เพื่อทดสอบว่ามันเทศแม้จะอยู่ที่ไหนก็สามารถเจริญเติบโตได้นั้นเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งที่ดินที่พระองค์ทรงเลือกก็คือที่ดินที่เป็นพื้นที่แห้งแล้ง ไม่สามารถที่จะปลูกอะไรได้เลย จำนวนทั้งหมด 250 ไร่ โดยเป็นของชาวบ้านในอำเภอท่ายาง ที่ดินแห่งนี้ชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่สามารถปลูกอะไรได้ เพราะแห้งแล้งมาก ๆ แต่พระองค์ก็ทรงรับซื้อเอาไว้เพื่อทำการทดลองโครงการชั่งหัวมัน โดยโครงการนี้มีขนาดใหญ่ กินพื้นที่เต็ม 250 ไร่ และบางส่วนอยู่ติดกับชายเขา มีลมพัดเย็นตลอดพื้นที่ทั้งหมดถูกปรับปรุงใหม่ โดยเริ่มต้นด้วยการบำรุงดิน ปรับปรุงดิน เพื่อให้ดินนั้นมีค่า Ph เหมาะสมแก่การปลูกพืชชนิดต่าง ๆ ได้ซึ่งแปลงทดลองแปลงแรกนั้นก็คือมันเทศนั่นเองครับ และตัวของโครงการก็เริ่มขยายพื้นที่จากจุดเล็ก ๆ ซึ่งศูนย์กลางก็คือแปลงมันเทศ แล้วขยายตัวออกเป็นสัดส่วนตามแนวทางของเกษตรทฤษฎีใหม่ แบ่งพื้นดินเพื่อทำเกษตรแบบยั่งยืน ช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือคนอื่นได้ โดยพระองค์ทรงโปรดให้ชาวบ้านในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการนี้ ส่วนพื้นที่ทั้งหมดจะมีแบบจำลองย่อส่วนโครงการชั่งหัวมันเอาไว้ เพื่อน ๆ ก็มาลองศึกษาดูรายละเอียดเชิงลึกได้อีกครั้งนะครับภายในโครงการชั่งหัวมันนี้ จะมีรถพาชมโครงการอยู่ด้วยนะครับ ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถนั่งรถชมโครงการได้ฟรี โดยแต่ละจุดจะมีเจ้าหน้าที่ของโครงการ คอยแนะนำและให้ความรู้ตามจุดต่าง ๆ ซึ่งจุดที่ผมจะยกตัวอย่างมานั้น จะเป็นจุดที่เลี้ยงโคนมครับ สิ่งที่ผมประทับใจในจุดนี้ก็คือ โคนมในฟาร์มนั้นถูกเลี้ยงอย่างใกล้ชิด ทุกตัวจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลด้วยความใส่ใจ โดยผลผลิตที่ได้นอกจากจะเป็นน้ำนมแล้ว ยังมีมูลของโคที่ถ่ายออกมา ทางเจ้าหน้าที่จะนำมูลเหล่านั้นไปหมักเป็นปุ๋ย เพื่อใช้บำรุงรักษาพืชผักทุกชนิดภายในโครงการชั่งหัวมันแห่งนี้ผลผลิตหลักของโคนมก็คือน้ำนมนั่นเองครับ เพื่อน ๆ อาจจะเคยได้ยินน้ำนมที่ผลิตโดยโครงการชั่งหัวมัน ซึ่งก็ไม่ได้มีแค่เพียงน้ำนมเท่านั้นนะครับ ที่นี่สามารถนำน้ำนมมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้อีกมากมาย อาทิเช่น นมแปรรูปอัดเม็ด ไอศกรีมนมสด เป็นต้นครับ ซึ่งรสชาตินั้นดีมาก ๆ ผมคงไม่สามารถอธิบายเรื่องรสชาติได้ ผมอยากให้เพื่อน ๆ มาลองชิมด้วยตัวเองสักครั้งจริง ๆ ครับภายในโครงการที่เจ้าหน้าที่พาผมไปชม ยังมีอีกมากมายเลยครับ เช่น การปลูกพืชชนิดต่าง ๆ การทำแปลงสาธิต โครงการกังหันลมเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า หรือจะเป็นหน่วยผลิตน้ำมันทดแทน เป็นต้น ถ้าเพื่อน ๆ มาผมแนะนำให้นำกระดาษและปากกา เพื่อเก็บข้อมูลต่าง ๆ เอาไว้ เพราะข้อมูลที่นี่มีเยอะมากจริง ๆ ครับเป็นอย่างไรบ้างครับ กับศูนย์การเรียนรู้อีกหนึ่งแห่งของอำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี นี่คือโครงการชั่งหัวมัน แหล่งเรียนรู้ขนาดใหญ่ ซึ่งโครงการชั่งหัวมันแห่งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของหลาย ๆ โครงการ ตามพื้นที่แห้งแล้ง และพื้นที่ทุรกันดารทั่วประเทศไทย ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถมาเรียนรู้ได้ตลอดเวลาตามเวลาทำการของโครงการนะครับ สุดท้ายนี้ผมก็ได้แต่หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อน ๆ ไม่มากก็น้อย ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ ได้มีโอกาสมายังโครงการชั่งหัวมัน ก็อย่าลืมแบ่งปันความรู้เหล่านั้น ให้กับคนรอบตัวด้วยนะครับ แล้วพบกันใหม่บทความหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีครับที่ตั้ง : 1 หมู่ 5 ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี 76130เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 08.25 - 17.00 น.แผนที่ : https://goo.gl/maps/xf62aQBimmeNtBU27ภาพประกอบบทความทั้งหมด ถ่ายโดยผู้เขียนเองครับ