การเป็นนักวิ่งสมัครเล่น เราก็ต้องลองอะไรใหม่ ๆ บ้าง เพื่อให้มันเกิดการท้าทายในชีวิต ไอ้ครั้นเราจะวิ่งทางเรียบอย่างเดียวมันก็จะเนือย ๆ กับชีวิตไปนิด เราต้องสร้างประสบการณ์ให้กับชีวิตนักวิ่งด้วยการ “วิ่งเทรล” ของเราเป็นแบบ cross & country ยังไม่ใช่เทรลเต็มตัว พื้นคอนกรีตมีแค่ตอนปล่อยตัวน่าจะ 100 เมตรได้ ซึ่งเวลา 1 เดือนสำหรับการซ้อมสำหรับเราถือว่าได้อยู่ เริ่มแรกเราซ้อมขึ้นเนินก่อน วิ่งขึ้นลงสะพานให้ถี่ขึ้น ทุก 500 เมตรเราวิ่งขึ้นลงสะพาน 2 รอบ ต่อมาเราลดความเร็วลงหน่อยจากปกติวิ่งเพช 6:30 เริ่มเป็นวิ่งช่วง 6:30-7:00 วิ่งให้นานขึ้นจากปกติอย่างมากแค่ 2 ชั่วโมง งานนี้วิ่งยาวไป 3 ชั่วโมง รองเท้ามีคนบอกว่าสำคัญมากเพราะทางในป่า ไม่เหมือนทางในเมืองการยึดเกาะต่างกัน แต่สำหรับเรายังไม่รู้เลยว่าจะวิ่งเทรลได้กี่ครั้งเลยใช้รองเท้าวิ่งปกติ แต่เลือกคู่ที่พื้นค่อนข้างหนา เพราะผู้จัดแจ้งว่ามีหินแหลมค่อนข้างเยอะ แล้วพื้นลื่นเพราะฝนตก เครดิตภาพ : เจ้าของบทความ sakanaj. เช้าวันวิ่ง เราไปถึงสนามแข่งประมาณตีสี่ครึ่ง ตามจริงต้องปล่อยตัวนักวิ่งตีห้าครึ่งแต่ทางผู้จัดให้เหตุผลว่า ยังมืดอยู่ไม่สามารถปล่อยตัวนักวิ่งได้ เราก็บ่นจัดเลย ไม่รักษาเวลา ไว้ไม่มาแล้วนะ ไม่ชอบเลย แล้วก็เริ่มปล่อยตัวนักกีฬา 15.5 กม. ที่เวลา 6 โมงเช้า ซึ่งก็ยังคงมืดอยู่ เราก็วิ่งตามกลุ่มนักวิ่งออกไป เรารู้สึกตื่นเต้น เพราะทางคอนกรีตมีแค่ตอนปล่อยตัว 100 เมตรจริง ๆ แค่พ้นจากจุดปล่อยตัว ทางวิ่งคือ ทางลูกรัง มีน้ำขังเป็นจุด ถนนคือดินแฉะ ๆ แค่เริ่มวิ่งรองเท้าก็เปียกไปหมดแล้ว พอพ้นจากระยะ 400 เมตร กลายเป็นว่าต้องขึ้นเขา เราก็เริ่มสะกิดเพื่อนว่าทางวิ่งดูโหดแท้ ให้ขึ้นเขาตั้งแต่เริ่มวิ่งไม่ถึง 10 นาที เครดิตภาพ : เจ้าของบทความ sakanaj. พอเริ่มวิ่งเข้าป่า ด่านแรกคือทางชันที่มีหินแหลม ๆ เป็นทางน้ำไหล มอเตอร์ไซด์ช่างภาพไม่สามารถขึ้นได้ เรายืนดูอยู่สักพักเลยตะโกนถามไปว่า เอาไงคะ สรุปทางนี้มันไปได้แน่นะ ช่างภาพบอกว่า ไปได้ครับวิ่งขึ้นมาเลย เดี๋ยวผมช่วยลาก จะบอกว่าไม่มีใครวิ่งเลย เดินกันแบบพยุงตัวเองอยู่เพราะทางลื่นมาก พอพ้นทางนี้ไปหน่อยก็เข้าป่าแบบเต็มตัว สองข้างทางมีแต่หญ้าเหมือนมาเดินป่าเข้าค่ายลูกเสือ เครดิตภาพ : เจ้าของบทความ sakanaj. สักพักเราก็วิงขึ้นสันเขื่อนได้ยินเหมือนคนขี่ม้า ก็จริงเลยแฮะ ผู้จัดงานใช้ม้าเป็นพาหนะเพื่อเป็นหน่วยพยาบาล เท่ห์สุดเลย ตอนนี้เราเริ่มสนุกแล้ว เพื่อนบอกว่า ห้ามทิ้งกันนะ แหม!คุณเพื่อนก็กล้าพูด หลอกเรามาไม่พอ ให้เรารออีก แต่ก็ได้นะ เพราะพอวิ่งไปสักพัก กลายเป็นว่าทั้งป่าเหลือเรากับเพื่อนอยู่สองคน เดินก็แล้ว ร้องเพลงก็แล้ว เล่นกับตากล้องก็แล้ว ยังไม่เห็นมีใครวิ่งมาเลย จนพี่ตากล้องบอกว่า เฉพาะรูปน้องสองคน พี่ได้หลายสิบแล้วนะ เครดิตภาพ : เจ้าของบทความ sakanaj. ทีนี้จุดพีคคือ มีทางแยกออกเป็นสองทาง ปรากฏว่า เราเลือกไปทางตรงที่ไม่ต้องอ้อมเข้าไปในพงหญ้า ซึ่งเป็นทางที่ถูกต้อง แต่พวกที่เข้าไปในพงหญ้าคือ พวกเค้าดูป้าย แต่ป้ายมันหลุดเลยทำให้ลูกศรหมุนไปอีกทาง แสดงว่ามีคนหลงเข้าป่าไปหลายคน เราเลยรีบบอกผู้ดูแลงานที่ขับรถสวนมาว่า มีคนวิ่งเข้าไปในป่าเยอะเลย พี่เค้าเลยต้องรีบตามเข้าไป อันนี้ถือว่าอันตรายพอควร เพราะในป่า คือต้องมีสัตว์ใหญ่บ้าง เราบอกพี่เค้าว่า เราเห็นขี้ช้างด้วย พี่เค้าว่า นั่นหละอันตรายสุดแล้ว เครดิตภาพ : เจ้าของบทความ sakanaj. เราเข้าเส้นชัยด้วยสภาพรองเท้าที่ถอดทิ้งได้เลย มันแฉะไปหมด เลยชวนเพื่อนกลับทันที แต่ปรากฏว่า มีเสียงตามสายเรียกชื่อเราให้ไปรายงานตัว ตอนนั้นงงมาก เดินเข้าไปถามว่า มีเสียงตามสายเรียกชื่อ มีอะไรรึเปล่า ทางผู้จัดทวนชื่อแล้วบอกเราว่า เราได้ที่สอง คืออะไรคะ!!! งงมากค่ะ ต้องรีบวิ่งกลับรถเพื่อไปเอาบัตรประชาชนมารายงานตัวทันที เพื่อน ๆ ก็ยิ้มหน้าบานเลย คือทุกคนงงว่า ได้มาได้ยังไง เพราะเดิน ๆ วิ่ง ๆ แบบไม่เต็มที่ แต่นั่นหละ มันก็เป็นความภาคภูมิใจแบบหนึ่งเดียว ที่มาวิ่งเทรลครั้งแรกก็ได้ถ้วยมาแบบเหนือความคาดหมาย เครดิตภาพปก : เจ้าของบทความ sakanaj.