พาพ่อเที่ยวชมผีเสื้อที่แค้มป์บ้านกร่างรอบนี้ เป็นทริปต่อจากเราไปเที่ยวใต้กันมาค่ะ หลังจากที่เราเดินทางออกจากชุมพรเพื่อเดินทางกลับสู่มหานครขอนแก่นระหว่างทางเราแวะไปเที่ยวฝั่งทิศตะวันตกของจังหวัดเพชรบุรีบ้าง เพราะเราไปเที่ยวชายฝั่งทะเลของเพชรบุรีหลายครั้ง แต่ฝั่งทิศตะวันตกทั้งพ่อ และเราต่างก็ไม่เคยไป ทริปนี้เลยตกลงกันได้ที่เขื่อนแก่งกระจาน อันเป็นเป้าหมายสำคัญของผู้เขียนที่อยากไปชมความงามของผีเสื้อนานาพันธุ์ด้วย เราก็มุ่งไป เขื่อนแก่งกระจาน ความตั้งใจแรกคืออยากหาที่พักริมเขื่อน ว่าจะกางเต็นท์ นอนสัมผัสธรรมชาติ แต่ดูหน้าคนแก่แล้ว ท่าทางอยากนอนรีสอร์ทมากกว่า เราก็เลยส่งพ่อไปนอนรีสอร์ทใกล้ ๆ พร้อมเสบียงข้าวสารอาหารสุก คนแก่พึงใจกับการนอนตากแอร์ดูทีวีมาก ๆ (วันนี้มีมวย) ส่งพ่อนอนเรียบร้อยเราก็มาติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอกางเต็นท์ที่บริเวณลานกางเต็นท์แก่งกระจาน มีค่าธรรมเนียมประกอบด้วย ค่ากางเต็นท์ 30 บาท/คน/คืน ค่าธรรมเนียมอุทยานคนละ 100 บาท ค่ารถอีก 30 บาท รวมจ่ายไป 160 บาท ส่วนอาหารการกินสามารถไปฝากท้องได้ที่ร้านอาหารของสำนักงานนั่นหล่ะค่ะ จ่ายเงินเรียบร้อย เราก็หาทำเลสำหรับกางเต็นท์ พร้อมขึงผ้าใบคลุมเต็นท์ไว้อีกรอบเผื่อฟ้าฝนไม่เป็นใจ เสร็จสรรพก็ไปเดินเล่นสำรวจพื้นที่จนไปถึงริมเขื่อน นั่งเล่นรอถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกน้ำ แต่เดินช้าไปหน่อยพระอาทิตย์ก็เลยตกน้ำไปก่อนที่จะเดินไปถึง สุดท้ายเราไม่สามารถต่อต้านเหล่ายุงผู้หิวโหยได้เลยต้องกลับมานอนดูดาวที่เต็นท์แทน เผลอหลับไปเกือบค่อนรุ่งประมาณตีสี่เศษ ๆ มีรถขับมาจอดโดยไม่ได้ดับเครื่องยนต์ใกล้ ๆ กับตรงที่เรานอน และก็คุยกันเสียงดังมากถึงมากที่สุด จนจับใจความได้ว่าจะมาจอดรถเพื่อรอเวลาให้เปิดอุทยานเขาจะได้ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่พะเนินทุ่งซึ่งเปิดปิดเป็นเวลาก็คือ 05.30-7.30 และ16.00-17.00 น. เสร็จแล้วจะลงมาดูผีเสื้อที่แค้มป์บ้างกร่าง ระหว่างรอพระอาทิตย์ขึ้น เขาจากไปส่วนเรานั้นก็ตาค้างงีบไปได้หน่อยนึงผู้คนก็เริ่มตื่น และหลายคนก็พูดถึงเรื่องผู้ชายที่มาเยือนตอนเช้ามืดของวันนั้น อย่างว่าทำอะไรเขาไม่ได้ก็ได้แต่ให้ศีลให้พรเขา แล้วก็ไปรับพ่อผู้ตื่นแต่เช้าแต่งตัวรอทาสีทาสาพาไปเที่ยวต่อ เช้านี้เราพาพ่อขึ้นไปที่แค้มป์บ้านกร่าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เพราะอยากไปดูผีเสื้อว่ากันว่าผีเสื้อที่นี่สวยมากและมีจำนวนเยอะมาก พอไปถึงแค้มป์แล้วก็จอดรถไว้ และก็พึ่งรู้ว่าที่นี่ไม่อนุญาตให้นำรถเก๋งหรือรถตู้ขึ้นพะเนินทุ่งซึ่งก็เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวนั่นเอง ที่แค้มป์บ้านกร่างยังมีที่พักรองรับนักท่องเที่ยวด้วยแต่เมื่อวานเรามาถึงก็บ่ายคล้อยแล้วเลยไม่ได้เข้ามาพักที่นี่ และถึงมาพักก็คงไม่บันเทิงใจนักเพราะนักท่องเที่ยวค่อนข้างหนาตามพอสมควรแม้ว่าจะเป็นวันธรรมดาก็ตาม อ้อ ! เราสั่งข้าวจากโรงอาหารของที่นี่มากิน อาหารง่าย ๆ พวกข้าวผัด ผัดกระเพรา จานนึงก็ 30-40 บาทไม่ได้แพงมากมาย หลังจากกินข้าวกันเสร็จ พวกเราก็ชวนกันเดินไปศึกษาเส้นทางธรรมชาติ คนแก่ชอบมากบอกว่าสมัยพ่อทำงานกรมทางหลวงตอนไปทำทางป่าก็เป็นแบบนี้ พร้อมกับบรรยายชีวิตสมัยหนุ่ม ๆ และการจีบแม่ให้ฟัง สักพักมีเสียงชะนีเรียก “ผัว ๆ” พ่อใหญ่ก็หันมาบอกเราว่า “นาง ๆ เพื่อนเรียก” นอกจากเสียงลิงค่างบ่างชะนีที่ว่านี้แล้ว เราว่าถ้าคนชอบส่องนก ถ่ายนก ถ่ายแมลง น่าจะชอบที่นี่กันน่าดูเพราะป่าอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ต้องมีนกหลากหลายสายพันธุ์มาให้ชมแน่นอน พาพ่อเดินไปถึงริมธารน้ำ คนแก่ก็นั่งเล่นเอาเท้าแช่น้ำดื่มด่ำกับธรรมชาติไป ส่วนเราก็หาถ่ายรูปผีเสื้อ ถ่ายไปถ่ายมาเจองูเขียวหางไหม้หลบในพุ่มไม้เลยเก็บภาพมาใบนึง เราปล่อยให้คนแก่แช่น้ำเล่นสบายใจแล้วก็ชวนกันเดินกลับ เจ้าหน้าที่แค้มป์บอกว่า ผีเสื้อจะออกมาเยอะช่วงกลางวันเพราะจะมาตากแดด ซึ่งก็จริงพอแดดเริ่มออกผีเสื้อก็เริ่มมา แต่ไม่อลังการเหมือนในรูปที่เขาถ่ายมา อย่างว่า ถ้าอยากได้รูปสวย ๆ ก็ต้องมีความอดทนมากพอ ซึ่งก็คงไม่ใช่เรา และยิ่งมีบิดาหน้างอรออยู่ที่รถแล้วก็เลยต้องเก็บความอยากขึ้นรถกลับตามใจบิดา เราปิดทริปชมผีเสื้อแค้มป์บ้านกร่างแบบคาใจ และหมายใจปักหมุดเอาไว้ว่าเราจะต้องกลับมานอนที่นี่ ไปถ่ายรูปพะเนินทุ่งทั้งเช้าและเย็นให้ได้ เรื่องและภาพ โดยผู้เขียน