ทักทายคุณผู้ที่น่ารักทุกท่านนะคะ ห่างหายไปนานทีเดียวกับหัวข้อกีฬา ที่ผู้เขียนเองมักจะมาเขียนรีวิวงานวิ่งที่ได้ไปเข้าร่วม แล้วเกิดรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษ ... แน่นอนว่าเมื่อหัวข้อนี้วนกลับมา ผู้เขียนจึงขอหยิบยกงานวิ่งที่ผู้เขียนจำไม่ลืมหนึ่งงาน มาเล่าในสไตล์ของตัวเองให้คุณผู้อ่านได้อ่านไป ฮาไป เอ๊ะ! หรือจะสงสารดี พร้อมกับเทคนิคการเอาชีวิตรอด คุณอ่านไม่ผิดค่ะ เอาชีวิตรอดจริงๆ เลยจากคำว่าเทคนิคการวิ่งไปอีก มานำเสนอกัน พร้อมกับภาพสวยๆ ที่ถ้าไม่วิ่งขึ้น วิวแบบนี้จะไม่มีทางที่คุณจะได้สัมผัสเลยนะคะ ไปค่ะ ไปรับชมกัน... เริ่มต้นด้วยการเปิดไปเจองานวิ่งงานหนึ่งที่กำลังรับสมัครอยู่ นั่นก็คืองาน Run For Health At Khaokho2020 ซึ่งวิ่งในวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา ความน่าสนใจเป็นพิเศษของกิจกรรมนี้คือ เป็นงานวิ่งการกุศล รายได้จากการวิ่งบริจาคให้ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเหล่าหญ้า ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ กับเส้นทางการวิ่งที่ดูแล้วต้องบอกว่า คือการวิ่งขึ้นและลงเขาค้อ ในระยะทาง 10 กิโลเมตร ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวที่เราคุ้นเคยอย่างวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ที่เคยแต่ขับรถไปเที่ยวยังสวย ประกอบกับค่าสมัครวิ่งเพียงแค่ 350 บาท เท่านั้น ได้เสื้อวิ่งหนึ่งตัว แถมเมื่อเช้าเส้นชัยยังได้รับรูปหล่อองค์พระเจ้าตากสินมหาราช ขนาดตั้งโต๊ะ พร้อมกับคำโฆษณาที่ว่า“อรุณรุ่ง วิ่งทะลุหมอก ชมวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ดินแดนสวรรค์” มาถึงขนาดนี้ กดสมัครพร้อมโอนเงินแบบไม่ต้องรีรอ หรือถามไถ่ถึงสังขาร สมัครไปก่อน ๆ และแล้วรู้ตัวอีกทีผู้เขียนก็มาถึงเช้าวันวิ่ง ใช่ค่ะ ไม่มีโอกาสให้กลับตัวแล้ว ปล่อยตัวนักวิ่งเวลา 05.30 น. กะว่าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้านบนเขา ระหว่างจุดปล่อยตัว เป็นทางราบมีเนินเล็ก ๆ อยู่ 2 กิโลเมตรเท่านั้น คุณพระ! ที่เหลือคือขึ้นเขา และลงเขา ตอนขึ้นนั้นหยุดเป็นพัก ๆ ค่ะ อาการคือหอบเพราะซ้อมน้อยด้วย แต่วิวข้างทางทำให้ผ่อนคลายไปได้บ้าง เพราะวิวหมอก พระอาทิตย์เริ่มขึ้น ประกอบกับวิวของวัดผาซ้อนแก้วไกล ๆ เรียกได้ว่าสวยงามเหมือนภาพวาดค่ะ เราแวะเข้าห้องน้ำ และถ่ายรูปเล็กน้อยตรงวัดผาซ่อนแก้ว จากนั้นก็วิ่งขึ้นไปต่อที่ร้านกาแฟชื่อคุ้นเคยสำหรับทุกคนที่มาเที่ยวเขาค้อ คือร้าน Pino Latte และเลยขึ้นไปถึงร้านกาแฟที่ตกแต่งสไตล์จีนร้านดังอีกหนึ่งร้าน นั่นคือ ร้านตั๊กม้อคอฟฟี่ ผู้เขียนจำได้ว่าร้านนี้เคยมากับคุณแฟน ขนาดตอนนั้นขับรถขึ้นมานะคะ ยังเหนื่อยเลย เส้นทางนั้นไม่ต้องสืบค่ะทางขึ้นเขาดี ๆ นี้เอง เลยจากร้านตั๊กม้อ คอฟฟี่ ก็มาถึงจุดที่สูงที่สุด ก่อนจะเป็นทางลงกันแล้วล่ะค่ะ ซึ่งตรงนี้ผู้เขียนขอสรุปเทคนิคของผู้เขียนเองเผื่อเป็นประโยชน์กันคุณผู้อ่านที่สนใจจะพิชิตเขาค้อ ดังนี้ ซ้อมให้พอค่ะ การวิ่งขึ้นเขาเหนื่อยกว่าวิ่งจริงมากทีเดียว ตัวผู้เขียนเองปกติวิ่ง 10 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง แต่งานนี้ ผู้เขียนใช้เวลาทั้งหมด 2 ชั่วโมง 20 นาที โดยประมาณค่ะ เนื่องจากวิ่งไปพักไป มีนักวิ่งหลายคนที่ไม่ไหว ลงไปก่อนพร้อมรถของทีมงานก็เยอะค่ะ นอกจากซ้อมวิ่งแล้ว ฝึกการเวทเทรนนิ่งด้วยค่ะ เพราะการวิ่งขึ้นเขาเราจะใช่กล้ามเนื้อช่วงล่างเยอะกว่าปกติ ดังนั้นกล้ามเนื้อจึงต้องแข็งแรงในระดับหนึ่ง ในช่วงทางลงเขา เหมือนจะง่ายแต่อันตรายต่อหัวเข่าเรามากเลยนะคะ บาดเจ็บได้ง่ายช่วงทางลงนี่เอง ดังนั้นควรหาอุปกรณ์รองรับการกระแทก อย่างที่รัดเข่าไว้ด้วย จะช่วยได้เยอะเลยค่ะ ทั้งหมดนี้ เป็นเทคนิคที่ผู้เขียนใช้ในการวิ่งครั้งนี้ เมื่อลงเขามาถึงเส้นชัย ก็เรียกได้ว่าหมดสภาพกันเลยทีเดียว ซึ่งต้องยอมรับว่าอ่อนซ้อมไปมาก และจบที่เวลาไม่สวยงามนัก แต่นั่นก็นำมาซึ่งความประทับใจไม่ลืมค่ะ อย่างแรกคือประทับใจคุณแฟน ที่คงอยากวิ่งทำเวลาได้ดีกว่านี้ แต่สุดท้ายก็ยอมไปด้วยกัน ไม่ทิ้งกันไว้กลางทาง แถมยังช่วยทั้งดัน ทั้งเชียร์ จนไปถึงเส้นชัย และอีกอย่างที่ประทับใจไม่ลืมคือวิวข้างทางค่ะ ผู้เขียนไปบ่อยนะคะเขาค้อ แต่รอบนี้สิ่งที่เห็นแตกต่างจากทุกครั้ง เพราะเราค่อย ๆ มองมันอย่างตั้งใจ ด้วยตาที่ไม่ปิดกั้นด้วยกระจกรถ ซึ่งมันประทับใจผู้เขียนอยู่ไม่รู้ลืมเลยล่ะค่ะ ลองดูนะคะคุณผู้อ่าน ลองวิ่งช้า ๆ ดูบ้าง เราอาจจะเห็นอะไรที่งดงามในรูปแบบที่แตกต่างจากเดิมค่ะแล้วพบกันใหม่นะคะ