เพชรบูรณ์ที่ใคร ๆ ก็มักจะนึกถึงเมืองสายหมอก บรรยากาศแบบสวิสเซอร์แลนด์ แดนที่กาลเวลาละลายหายไปกับสายหมอก มีสถานที่ท่องเที่ยวให้ชื่นชมมากมาย ทั้ง เขาค้อ ภูทับเบิก และ อื่น ๆ อีกมากมายตอนเช้า ๆ เราก็มักจะนั่งชื่นชมกับทะเลหมอก และ อากาศหนาว ๆ เย็น ๆ เหมือนอยู่เมืองนอก แต่พอสาย ๆ บ่าย ๆ อากาศก็มักจะเป็นคนละขั้วกันเลย คือ ร้อนเอาเรื่องเลยล่ะ พออิ่มเอมกับบรรยากาศกันแล้ว ไม่มีอะไรให้ทำ ก็อยากจะแนะนำสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ให้ได้เดินชม เรียนรู้ ถ่ายภาพในมุมใหม่ ๆ กันบ้างค่ะอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ ประวัติโดยย่อ เดิมชื่อ เมืองท่าโรง เมื่อปี พ.ศ.2447 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานภาพ ได้ทรงเสด็จไปที่เมืองเพชรบูรณ์ ด้วยทรงสนพระทัยในประวัติศาสตร์ของเมืองโบราณที่ชื่อ ศรีเทพ ก็ทรงสำรวจจนได้ความว่าเป็นเมืองโบราณ ที่ว่านี้คือเมืองเดียวกัน จึงทรงเปลี่ยนชื่อเมืองแห่งนี้ว่า เมืองศรีเทพ ปัจจุบันสำนักกรมศิลปากรที่ 4 ลพบุรี กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ดูแลวิธีการเดินทาง ต้องให้รถยนต์ส่วนตัวเท่านั้น ใช้ถนนทางหลวง 2219 ศรีเทพ - ลพบุรี วิ่งตรงต่อทางหลวงสาย 2211 ก็จะพบป้ายบอกทาง ซึ่งสะดวกมาก มีทางเข้าได้อีกทางคือ ถนนทางหลวงสาย 2244 จากสี่แยกศรีเทพ อุทยานศรีเทพ วิ่งไปทางสาย ศรีเทพน้อย – มอดินแดง ก็จะพบทางเข้า เราเข้าทางแรก ค่าเข้าสำหรับคนไทยคนละ 20 บาท ค่ารถยนต์ 50 บาท แต่ถ้าเป็นมอเตอร์ไซค์ 20 บาทอาคารแรกจะเป็นที่แนะนำสถานที่ และมีแบบจำลองให้ชมเพื่อทำความเข้าใจ ต่อจากนั้นก็จะเป็นอาคารแสดงวัตถุโบราณ มีทั้งของจริงและแบบจำลอง เท่าที่สอบถามจากเจ้าหน้าที่ดูแลบอกว่า เทวรูปสุริยันที่แสดงอยู่นี้ของจำลอง ของจริงแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระนคร กรุงเทพ แต่ถึงอย่างไรก็รู้สึกชื่นชมที่เค้าทำแบบได้รายละเอียดเหมือนในรูปที่แสดงจริง ๆอีกอย่างหนึ่ง การได้เห็นในสถานที่จริงที่ที่เทวรูปนี้เคยประดิษฐ์สถานอยู่ ทำให้ได้อารมณ์จริง ๆ ค่ะ เรียนรู้จากอาคารในร่มเสร็จ ก็ได้เวลาออกไปชมของจริงกันแล้ว ที่นี่มีรถพานำชม แม้จะมีคนน้อย เจ้าหน้าที่ก็ยังคงยินดีพาเที่ยว พร้อมกับบรรยายไปตลอดทาง พอทราบว่าเจ้าหน้าที่ท่านนี้ เป็นคนในพื้นที่ อายุ 70 กว่าแล้ว ยิ่งรู้สึกถึงความขลังเลยค่ะที่แรกคือ ปรางค์สองพี่น้อง เป็นงานก่ออิฐที่ทรงสูงมีผนังสี่ด้าน ข้างในก็มีบ่อเล็ก ๆ ที่ใช้ในการทำพิธีกรรมทางศาสนาในสมัยนั้น เดินเข้าไปสำรวจแล้ว รู้สึกขนลุก กับ ความสามารถของคนสมัยนั้นจริง ๆ เค้าก่ออิฐเป็นปรางค์ทรงสูง ขนาดนี้ได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเครน เครื่องไม้เครื่องมือ ทันสมัยอะไรเลย นอกจากมือและหัวใจ ที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธา แดดร้อนเอาการ แค่ยืนถ่ายรูปบนลานก็รู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนเตาถ่านอ่อน ๆ ต้องรีบ ๆ กลัวจะสุกก่อนที่จะได้ชมจนทั่ว เดินจากที่แรกไป เขาคลังใน อันนี้ต้องใช้จินตนาการหน่อยนะ เพราะเป็นซากปรักหักพัง ส่วนใหญ่ แต่พอเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก็ถึงกับทึ่ง กับฝีมือช่างโบราณที่ปั้นปูนเป็นลวดลาย รอบ ๆ ที่น่าประทับใจคือ มีงานปั้นคนแคระ ยืนแบกรับผนังเอาไว้ ด้วยความเชื่อว่า เป็นผู้ที่คอยดูแลทรัพย์ที่อยู่ข้างใน พอเดินรอบก็เห็นคนแคระอีกหลายคนแต่หน้าตาเปลี่ยนไป เป็นรูปลิงบ้าง สิงห์บ้าง แล้วก็อะไรอีกก็ไม่รู้ แต่พอเดา ๆ ได้ว่าคงดุหน้าดู ขนาดเราไม่ค่อยมีความรู้อะไรเกี่ยวกับศิลปะยังรู้สึกชื่นชมกับช่างสมัยนั้นจริง ๆ ต่อจากนั้นไม่ห่างกันมาก ก็มีธรรมจักรหินโบราณของจริงตั้งตระหง่าน ให้ได้ชื่นชม เห็นแล้วรู้สึกได้ถึงความละเอียดอ่อน ของคนสมัยนั้นจริง ๆ ค่ะปราสาทศรีเทพ เป็นจุดสุดท้ายของบริเวณนี้ที่ เดินชม เห็นถึงความยิ่งใหญ่ตระการตา แถมยังมีนกพิราบมาเกาะบินโฉบไป มา ให้เป็นพร๊อพ ให้เราได้ถ่ายรูปอีกด้วยต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ขับรถพาเราเข้าไปที่หลุมฝังศพคนโบราณ ระหว่างทางก็พูดแนะนำบรรยายไปด้วย ช่วยให้รู้สึกเพลิดเพลินคลายร้อนไปได้ พอได้เห็นก็ให้รู้สึกดีค่ะ ที่ได้ทราบว่า โครงกระดูกที่แสดงอยู่ในหลุมนี้ เป็นนักรบ อายุ ราว 1500-2000 ปีมาแล้ว ที่สำคัญคือ เธอเป็นผู้หญิงที่สูงราว 180 เซนติเมตร ทราบได้ไงเหรอ ก็ดูจากกระดูกเชิงกราน แถมยังรักสวยรักงามด้วยนะค่ะ เพราะมีกำไลประดับอยู่ด้วยฟังจากคำบรรยายทำให้ได้ทราบว่า สมัยนั้นผู้หญิงเป็นใหญ่ ทำให้รู้สึกภูมิใจลึก ๆ ถึงแม้ว่าเราจะเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ไม่ได้เก่งกล้าสามารถอะไร แต่อย่างน้อยเราก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันเสร็จแล้วยังได้นั่งรถ ชมสถานที่รอบคูเมืองที่กว้างใหญ่ มีคูน้ำที่ขุดด้วยมือคน เป็นร้อยคู แถมมีกำแพงล้อมรอบ ถ้าให้นึกภาพคนสมัยนั้นคงจะตัวใหญ่ แข็งแรงมากจริง ๆ แต่ใดใดในโลกล้วนอนิจจัง เมืองนี้ต้องล่มสลายไป ซึ่งคาดว่าคงจะเกิดจากขาดแคลนน้ำ เพราะตั้งอยู่บนเนิน และ อาจจะมีโรคระบาด แต่อย่างน้อยก็ทำให้ได้รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ ของสตรีเพศอย่างเราที่ครั้งนึงก็ได้สร้างบ้าน แปลนเมืองกะเค้าเหมือนกันนะอยากเชิญชวนสาว ๆ ทั้ง เล็ก ใหญ่ มาลองเดินชมดูนะค่ะ เผื่อว่าจะได้เกิดแรงบันดาลใจ พิกัด : อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ใช้ถนนทางหลวง 2219 ศรีเทพ - ลพบุรี วิ่งตรงต่อทางหลวงสาย 2211 ก็จะพบป้ายบอกทาง ซึ่งสะดวกมาก มีทางเข้าได้อีกทางคือ ถนนทางหลวงสาย 2244 จากสี่แยกศรีเทพ อุทยานศรีเทพ วิ่งไปทางสาย ศรีเทพน้อย – มอดินแดง ก็จะพบทางเข้าค่าธรรมเนียมเข้าชม : ชาวไทย คนละ 20 บาท. : ชาวต่างชาติ คนละ 100 บาทรถยนต์ : คันละ 50 บาทรถมอเตอร์ไซค์ : คันละ 20 บาท