ถ้าถามถึงผลไม้ประจำฤดูร้อนก็คงหนีไม่พ้นมะม่วง ตั้งแต่เริ่มต้นปีมาบ้านไหนที่ปลูกต้นมะม่วงก็คงจะยิ้มดีใจเพราะปีนี้มะม่วงออกดอกเต็มต้น และพอเริ่มเข้าเดือนเมษายนมะม่วงก็เริ่มโตเต็มที่แล้ว ซึ่งเป็นความโชคดีของประเทศไทยที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่เป็นเขตร้อน ทำให้มีผลไม้อร่อย ๆ ให้กินมากมาย และถ้าถามว่ามะม่วงของประเทศไหนอร่อยที่สุดก็ตอบได้เลยว่าเป็นมะม่วงจากประเทศไทย นอกจากจะมีให้เลือกมากมายหลายสายพันธุ์แล้วยังสามารถกินได้ทั้งแบบดิบและแบบสุก แต่วันนี้จะนำมะม่วงดิบมาทำเป็น ตำมะม่วงใส่น้ำปู สูตรคนเพชรบูรณ์กันจ้า ภาพโดย : ผู้เขียน อย่างแรกต้องเตรียมวัตถุดิบกันก่อน ในส่วนของมะม่วงนั้นสามารถใช้พันธุ์อะไรก็ได้ แต่ขอให้มีรสเปรี้ยวถึงเปรี้ยวมากจะได้แซ่บ ๆ โดยวันนี้จะใช้มะม่วงแรดมาทำ วัตถุดิบต่าง ๆ มีดังนี้ 1. มะม่วงดิบ (สับเป็นเส้น ๆ แบบมะละกอ) 2. น้ำปู (1/2 ช้อนโต๊ะ) 3. มะเขือเทศลูกเล็ก (4 - 5 ลูก) 4. ขิงหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ (4 - 5 ชิ้น) 5. พริกแห้ง (แล้วแต่ชอบความเผ็ด) 6. กระเทียม (2 - 3 กลีบ) 7. น้ำตาล (1 ช้อนชา) 8. น้ำปลา (1 ช้อนชา) 9. หอมแดงซอย (4 - 5 หัว) เมื่อเตรียมวัตถุดิบเรียบร้อยแล้วก็ไปทำกันเลยภาพโดย : ผู้เขียน เริ่มจากนำพริกแห้ง กระเทียม และขิงใส่ครกตำให้พอหยาบ ๆ จากนั้นใส่มะเขือเทศลูกเล็กลงไปบุบ ๆ พอแตก จากนั้นจะเริ่มปรุงโดยใส่น้ำตาล น้ำปลา และน้ำปูลงไป ใช้สากตำสลับกับใช้ทัพพีคนผสมให้เข้ากันและน้ำตาลละลาย แล้วชิมรสชาติให้ออกรสกลมกล่อมออกหวานกว่าเล็กน้อย ภาพโดย : ผู้เขียน พอได้รสชาติที่ต้องการแล้วก็ใส่มะม่วงและหอมแดงซอยลงไป แล้วใช้ทัพพีคลุกให้เข้ากันจากนั้นตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ! ภาพโดย : ผู้เขียน รสชาติของตำมะม่วงใส่น้ำปูจานนี้จะออกรสชาติกลมกล่อมผสมความเปรี้ยวของมะม่วง พร้อมกับกลิ่นหอมนัวของน้ำปู เมนูเด็ดจานนี้ถ้าได้ลองตักชิมแล้วจะไม่สามารถวางช้อนลงได้เลย และถ้าบ้านไหนไม่มีมะม่วงหรือหาไม่ได้จริง ๆ ก็แนะนำให้บีบมะนาวใส่ไปด้วย สูตรนี้แซ่บหลาย!! รับรองว่าถ้าได้ทำแล้วต้องมีทำซ้ำอีกครั้งแน่นอน ภาพโดย : ผู้เขียน สำหรับคนที่ไม่รู้จักน้ำปู หรือรู้จักแล้วแต่ยังไม่เคยกิน จะบอกว่าน้ำปู หรือที่ทางภาคเหนือตอนบนเรียกว่า "น้ำปู๋" และคนท้องถิ่นเพชรบูรณ์จริง ๆ เรียกว่า "ขี้ปู" โดยวิธีการทำ คือจะนำปูนาตัวเล็กมาล้างทำความสะอาดแล้วนำมาแกะแยกตัวปูกับกระดอง จากนั้นก็นำมาใส่ครกตำให้ละเอียดและตักออกมาใส่ผ้าขาวบางเพื่อคั้นเอาแต่น้ำ จากนั้นก็เอาน้ำที่คั้นออกมาใส่หม้อตั้งไฟอ่อน ๆ นำตะไคร้มาซอยให้ละเอียดแล้วใส่ลงไป ปรุงรสด้วยเกลือและเคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนน้ำงวดเป็นเนื้อเดียวกันโดยจะมีความคล้ายกับเนื้อของสังขยาใบเตยแต่จะมีความเหนียวและเป็นสีดำเข้ม จากนั้นพักไว้จนเย็นแล้วตักใส่กระปุกแช่ไว้ในตู้เย็น สามารถเก็บไว้กินได้เป็นปี รสชาติของน้ำปูจะออกไปทางเค็มและมีกลิ่นหอมของปูนาที่โดนเคี่ยว พร้อมกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของตะไคร้ที่ใส่ลงไป และคนท้องถิ่นเพชรบูรณ์นิยมกินข้าวเหนียวกันในตอนเช้า ก็มักจะนำข้าวเหนียวที่นึ่งใหม่ยังมีไอกรุ่น ๆ มาปั้นเป็นแผ่นขนาดเท่าฝ่ามือแล้วกดให้แบนลงประมาณ 1 เซนติเมตร จากนั้นก็นำน้ำปูมาทาลงบนข้าวแล้วม้วนให้เป็นเหมือนข้าวปั้นแล้วกิน อ่ำ ๆ โดยเราจะเรียกแบบนี้ว่า "ข้าวบ่ายขี้ปู" อร่อยมากอยากให้ทุกคนได้ลองกินสักครั้งแล้วจะติดใจ!