เมื่อทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว ตกลงปลงใจกันว่าจะขี่ขึ้นภูทับเบิกกันสักครั้ง เส้นทางนี้ต้องอาศัยความใจถึง และต้องมั่นใจว่ารถที่จะขี่ขึ้นไปนั้นสภาพต้องดี 100 เปอร์เซ็นต์ เราเริ่มเดินทางกันในช่วงสาย ๆ ลงมาจากเขาค้อ มาถึงแยกไฟแดงแรกแล้วเลี้ยวซ้ายขับไปเรื่อย ๆ ถนนเริ่มชันขึ้น ต้องขอย้ำเลยว่ารถต้องชัวร์จริง ๆ สำหรับเส้นทางนี้ ถนนเริ่มชันขึ้นจนมีบางช่วงรถเพื่อนในกลุ่มเสียหลักถึงแม้ว่าจะไม้ได้วิ่งเร็ว แต่ด้วยความชันของถนน และความคดเคี้ยวเลี้ยวไปเลี้ยวมา ความชันบวกกับความเอียงของถนนทำให้การทรงตัวทำได้ยาก จึงทำให้เสียหลักได้ง่าย ระหว่างทางจะมีจุดจอดพักรถให้แวะถ่ายรูปก่อนที่จะตะลุยไปกับเส้นทางอันแสนชันกันต่อ ถนนทั้งโค้งและชัน จุดแวะพักข้างทาง อีก 22 กม.ถึงถูทับเบิก ในที่สุดเราก็ตะลุยความชันขึ้นไปถึงป้ายอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า แต่ถึงจุดนี้ถือว่ายังไม่ใช่ที่สุดของภูทับเบิก เพื่อน ๆ ต่างมองหน้ากันแล้วถามกันว่าจะไปต่อไหม ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้วเหลืออีกนิดเดียวต้องไปให้สุด จึงพากันขี่ต่อขึ้นไปอีกระยะทางประมาณ 300 เมตร ไม่ไกลแต่ถนนชันมาก ขอบอกเลยว่าคิดไม่ผิดเลยที่เลือกที่นี่สำหรับทริปวันนี้ บรรยากาศมันสดชื่นสุด ๆ จนต้องรีบสูดให้เต็มปอด แถมความเย็นก็กำลังดี เสียดายที่เราไม่ได้เตรียมอุปกรณ์สำหรับพักแรมมาด้วยไม่งั้นจะขอนอนกินบรรยากาศที่นี่สักคืนรอบ ๆ บริเวณนี้ ยังพอมีแปลงกะหล่ำปลีให้ได้ชมและถ่ายรูปอยู่บ้าง กะหล่ำปลีนี้ถือว่าเป็นของขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของที่นี่เลยนะ ชาวเขาเผ่าม้งที่นี่เขาเก่งนะถาภูเขาเขาเป็นลูก ๆ เพื่อปลูกกะหล่ำส่งลงไปขายให้พวกเราคนพื้นราบ ร้านค้าเล็ก ๆ เรียงรายมีกลิ่นไอของวิถีชาวเขาเผ่าม้ง สินค้าที่ขายมีหลายหลายทั้งของชาวเขาและของพื้นราบ แต่ที่สะดุดตาคือข้าวจี่ ที่มีขายอยู่เกือบทุกร้าน ข้าวจี่ก็คือข้าวเหนียวนึ่งสุกแล้วปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ปิ้งบนเตาถ่านจนเหลืองแล้วทาด้วยไข่ไก่ปรุงรส พลันให้นึกถึงสมัยเด็ก อากาศหนาวจัดแบบนี้ ก่อไฟผิงเพื่อไล่ความหนาว ลูกหลานนั่งล้อมวงเอาข้าวมาปั้นแล้วปิ้งไฟโรยเกลือลงไปสักนิดพอให้มีรสเค็ม ปิ้งพอเหลืองแล้วแจกจ่ายลูกหลาน ภูมิปัญญาชาวบ้านข้าวจี่ร้อน ๆ กินลงไปเพื่อไล่ความหนาวจากข้างในให้จางคลายแถมยังอิ่มอร่อยอีกด้วย เราใช้เวลาพักรถ พักเหนื่อย อยู่ที่นี่ประมาณ 2 ชั่วโมง กินกาแฟสดชาวเขากันไปคนละแก้ว จึงเดินทางกลับ ขากลับดูเหมือนจะง่ายแต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เแม้ว่ารถจะไม่ได้ออกแรงเท่าไหร่แต่ต้องประครองและคอยเหยียบเบรคตลอดเวลา บางคันมีเบรคหายระหว่างทาง ต้องใช้ความสามารถนการลดเกียร์ หากไม่มีประสบการณ์ในการขับรถขึ้นเขาลงเขามาก่อนเหตุการณ์นี้อาจจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ มองลงไปด้านล่างถนนเป็นรูปงูเลย สำหรับทริปวันนี้ปลอดภัยกันทุกคน ทุกคันไม่มีบาดเจ็บไม่มีรถพัง นับว่าประสบผลสำเร็จในการเดินทาง บนถนนอันแสนชัน “ขี่บิ๊กไบค์ ไปภูทับเบิก” กะหล่ำปลีที่ภูทับเบิก ::ภาพประกอบโดยฅนเก็บฝัน:::