กลับมาเจอกันอีกครั้ง กับการรีวิวหนังสือสำหรับเด็ก เพื่อให้พ่อแม่มีข้อมูลที่จะใช้ตัดสินใจเลือกหนังสือดี ๆ มาอ่านก่อนนอนให้ลูก ๆ ฟัง ตามแนวทางที่เรายึดถือกันของนายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ https://www.facebook.com/prasertpp ที่ว่าการอ่านนิทานให้ลูกฟังก่อนนอน ช่วยส่งเสริมพัฒนาการ และสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อพ่อแม่และลูก ๆ ได้ ดังนั้นงานตามหาหนังสือสำหรับเด็กมาอ่านก่อนนอนจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ฉันมักทำประจำเมื่อมีเวลาว่าง ในช่วงหลาย ๆ วันมานี้ฉันได้สังเกตเห็นว่าลูกคนเล็ก ซึ่งอยู่ในวัยประถมต้นนั้น ดูจะมีปัญหาในเรื่องการตอบคำถามคุณครู หรือความมั่นใจในการแสดงความคิดเห็น นับว่าเป็นเรื่องปกติของเด็กในช่วงวัยนี้ เพราะเป็นช่วงวัยที่เริ่มเรียนรู้การเข้าสังคม การอยู่ร่วมกับคนอื่น ผิดกับสมัยตอนอนุบาล เด็กวัยอนุบาลนั้นยังคงยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางเราจึงมักเห็นว่า เด็กวัยอนุบาลส่วนมากจะกล้าพูด กล้าแสดงออก กล้าตอบคำถาม กล้าบอกถึงความต้องการของตนเองออกมาได้อย่างชัดเจนไม่อ้ำอึ้ง แต่เมื่อมาถึงวัยเด็กประถมต้น เขาจะเริ่มอายที่ตอบผิด เริ่มไม่กล้าบอกความต้องการของตัวเองถ้าความต้องการนั้นไม่เหมือนกับเพื่อน ๆ ยิ่งถ้าเด็กมาจากครอบครัวที่เลี้ยงดูเข้มงวดด้วยแล้วยิ่งมีแนวโน้มเป็นมาก เมื่อเห็นลูกชายตัวน้อยเริ่มมีอาการไม่มั่นใจขึ้นมาให้เห็นคนเป็นแม่อย่างเราจึงต้องขอหาวิธีแนะนำแนวทางให้กับลูกแบบเนียน ๆ สมวัยที่เขาจะสามารถเรียนรู้ด้วยวิธีง่าย ๆ นั่นก็คือ เรียนรู้ผ่านนิทานนั่นเอง ฉันคิดว่าเป็นวิธีที่ดีและเข้าใจง่ายสำหรับเด็กวัยนี้ จึงเกิดภาระกิจตามหานิทานที่สอนถึงความมั่นใจในตัวเอง นั่นคือ จุดประสงค์เริ่มต้นของการซื้อหนังสือเรื่อง หิน 7 ก้อนที่สอนให้คนขี้ขลาดอย่างผมกลายเป็นผู้กล้า มาอ่านให้ลูกฟังก่อนนอน และจะขออนุญาตมารีวิวให้เหล่าบรรดาพ่อแม่ที่เจอะเจอปัญหาในเรื่องคล้าย ๆ กันนี้ จะได้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการช่วยเหลือลูก ๆ ของเราให้มีพัฒนาการที่ดีสมวัยหนังสือเรื่อง หิน 7 ก้อนที่สอนให้คนขี้ขลาดอย่างผมกลายเป็นผู้กล้า แต่งโดย โอกิ ชิซุกะ ชาวญี่ปุ่น ที่มีอาชีพเป็นนักเขียนบท ผลงานของเธอได้รับการนำมาเขียนเป็นบทละครโทรทัศน์หลายเรื่อง แต่หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานเขียนหนังสือเล่มแรกของเธอ แต่ฉันขอบอกได้เลยว่า แม้จะเป็นงานเขียนเล่มแรกแต่เนื้อเรื่องมีความสนุกสนานแฝงแง่คิดให้สอนเด็กได้ดีทีเดียว และที่สำคัญไม่น่าเบื่อ สนุกเหมือนกับเวลาเราติดละครทีวีหลังข่าวยังไงยังงั้นเลยทีเดียว ดูได้จากเจ้าตัวเล็กที่รอคอยช่วงเวลาเล่านิทานก่อนนอนเรื่องนี้อย่างใจจดใจจ่อทุกวันเรื่องราวของนิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของเด็กชายตัว ๆ เล็กคนหนึ่งอายุ 12 ปี ที่มีความผิดปกติที่มีผมเป็นสีฟ้า จนเพื่อน ๆ และคนรอบข้างเห็นว่าเป็นเรื่องประหลาดจนถูกตราหน้าว่าเป็น "ปิศาจ" และเขาเชื่อว่าความประหลาดของเขานี่เองที่เป็นต้นเหตุของเรื่องร้าย ๆ และความลำบากในชีวิตของเขาและแม่ เขาพยายามทำตัวให้เหมือนคนอื่น ๆ ไม่เป็นที่โดดเด่น ไม่ขัดแย้ง ไม่กล้าแสดงความรู้สึกของตนเองออกมาแม้ว่าบางครั้งเขาจะสามารถทำเรื่องนั้นออกมาได้ดีแต่ก็ขอเก็บมันไว้เพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจของคนอื่น พยายามเก็บตัวเงียบจนเพื่อน ๆ ลืมไปว่ามีเขาอยู่ด้วย ผิดกับเด็กอีกคนที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขาที่ชื่อ "ริกุ" นักกีฬาเบสบอลดาวเด่นระดับประเทศ ที่ใคร ๆ ก็ชื่นชมชื่นชอบ แต่เขาก็มีความลับบางอย่างที่ทำให้เด็กทั้งสองคนต้องร่วมกันออกเดินทางตามหาหีบศักดิ์สิทธิ์ ที่ภายในบรรจุ ดาบที่ช่วยให้ความปรารถนาเป็นจริง กระจกที่ทำให้อายุยืนยาว และลูกแก้วที่จะฉายอดีตที่ผู้ครอบครองอยากเห็นที่สุดอยู่ในนั้น หีบศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในภูเขาคุยชิปิกชู (ยอดเขาสายรุ้ง)ที่ยังไม่มีใครสามารถพิชิตเป็นเจ้าของหีบได้ เด็กหนุ่มทั้งสองคนต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อที่จะได้หินวิเศษทั้ง 7 ก้อน จากบททดสอบผู้กล้าทั้ง 7 ครั้ง ถ้าพวกเขาสามารถผ่านไปได้เขาก็จะได้เป็นผู้ที่เหมาะสมที่จะได้ครอบครองหีบศักดิ์สิทธิ์นี้ เด็กหนุ่มที่ขี้ขลาดไม่กล้าแม้แต่มีตัวตนให้คนอื่น ๆ เห็น กับเด็กหนุ่มผู้เพียบพร้อม และมีความกล้าหาญเฉกเช่นนักกีฬา แต่กลับมีความลับอะไรที่ทำให้เขาต้องออกตามหาพรจากหีบวิเศษนี้ เขาทั้งสองจะต้องเผชิญเรื่องราวมากมาย พบปะผู้คนที่พวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่ามาดีหรือร้าย ตลอดเส้นทางการได้หินสำหรับผู้กล้า หินแต่ละก้อนก็จะสอนในเรื่องต่าง ๆ แตกต่างกันไป นั่นคือจุดที่สนุกที่สุดของนิทานเรื่องนี้ ที่เราเดาไม่ได้เลยว่าเรื่องราวจะดำเนินไปอย่างไร มีจุดให้เราได้ประหลาดใจนึกไม่ถึง และผู้เขียนมีวิธีการแทรกแง่คิดคำสอนลงไปในตัวละคร และเนื้อเรื่องได้อย่างแยบยล เป็นรูปธรรมให้เด็กเข้าใจได้ง่าย คิดตามได้ง่าย ๆ ถึงแม้บางเรื่องจะเป็นเรื่องที่ซับซ้อนก็ตาม ผ่านหินทั้ง 7 ก้อน คือ หินสีแดง - ความกลัวหินสีส้ม - ความเหงาหินสีเหลือง - ความโกรธหินสีเขียว - ความอิจฉาหินสีฟ้า - ความเศร้าหินสีกรมท่า - ตัวเองหินสีม่วง - ความว่างเปล่าฉันเชื่อว่าลูก ๆ ของคุณจะชอบและหลงรักหนังสือนิทานเรื่องนี้ หลังจากที่ฉันได้อ่านให้เจ้าลูกชายฟัง สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ เราสามารถสอนให้เขามีความกล้า ความเชื่อมั่นในตนเองได้ง่ายขึ้น เพราะมีตัวอย่างให้เห็นจากนิทาน และเขารู้สึกได้เหมือนกับว่าเขาได้เห็นตัวเอง และรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาลุกขึ้นมาแสดงความกล้าหาญ ตัวละครในนิทานเป็นเหมือนเพื่อน เหมือนกระจกสะท้อนให้เขาเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เหมือนเราเห็นตัวอย่างเวลาจะแสดงวิธีทำ และอีกอย่างที่สำคัญเหมือนเขามีเพื่อนในจินตนาการที่เข้าใจเขาและบอกเขาว่าเขาจะได้รับสิ่งวิเศษขนาดไหนถ้าเขาเพียงแค่รู้จักแสดงความกล้าหาญออกมา ขอขอบคุณหนังสือดี ๆ ที่มาเป็นผู้ช่วยแม่อย่างฉันให้สามารถแนะนำ และคอยดูแลลูก ๆ ได้ง่ายขึ้น นิทานเรื่อง หิน 7 ก้อน ที่สอนให้คนขี้ขลาดอย่างผมกลายเป็นผู้กล้า ของ โอกิ ชิซุกะแปลโดยอภิญญา เตชะบุญไพศาล สำนักพิมพ์วีเลิร์น ราคา 230 บาท