"ผู้ไม่รู้ประวัติศาสตร์ มักจะกระทำซ้ำรอยเดิม" คำกล่าวของ เอ็ดมันด์ เบิร์ก ปราชญ์ นักการเมืองชาวไอริช กล่าวถึงความสำคัญในการศึกษาประวัติศาสตร์ หมายถึงว่าการศึกษาเหตุการณ์ ทัศนคติ และความเชื่อต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต จะเป็นรากฐานสำคัญต่อการพัฒนาสังคมในอนาคต และเพื่อไม่ให้เราหวนไปกระทำซ้ำแบบเดิมอีก หากใครขับรถผ่านเส้นลำลูกกาหรือเส้นวิภาวดีขึ้นไปทางเหนือ มักจะเห็นโดมใหญ่ตั้งตระหง่านสูงโดดเด่นเตะสายตาผู้ที่ขับรถผ่านไปมา จนสงสัยกันว่ามันคืออะไรกันแน่ คำตอบคือ “อนุสรณ์สถานแห่งชาติ” ที่มีอายุอานามยี่สิบกว่าปี ซึ่งสร้างขึ้นในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ครบสองร้อยปี เพื่อเป็นอนุสรณ์แต่บูรพกษัตริย์และวีระชนไทยที่เสียชีพเพื่อชาติในสมรภูมิสงครามต่าง ๆ และเป็นแหล่งรวมด้านประวัติศาสตร์ทางทหารหน้าสำคัญของประเทศไทยไว้มากมาย ภายในคือแหล่งรวมเรื่องราวต่าง ๆ ที่กองทัพไทยได้บุกไปลุยในสมรภูมิต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งที่เป็นหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทยและหน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกที่เห็นภาพได้ชัดเจนกว่าการอ่านในตำราหนังสือ เช่น การจำลองเดินขบวนทหารไทยที่ประตูชัย กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ที่กองทัพไทยได้มีบทบาท หรือ สมรภูมิ พอร์คชอป ฮิลล์ ในสงครามเกาหลี ที่กองทัพไทยมีส่วนร่วมในการต่อต้านฝ่ายคอมมิวนิสต์ในยุคนั้น และสมรภูมินี้ยังทำให้ความสัมพันธ์ไทยกับเกาหลีใต้แน่นแฟ้นมาจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังมีการแสดงงานสำคัญอย่างชิ้นส่วนของเรือหลวงธนบุรีของจริง อาวุธไทยในสมัยก่อน นิทรรศการประวัติของแต่ละสมรภูมิ แม้กระทั่งโซนมืดมิดที่จำลองเสมือนจริงอย่างสงครามเวียดนาม ที่พลิกโฉมประวัติศาสตร์โลกไปอย่างถาวร ก็มีให้เราได้ศึกษา ใต้ฐานโดมใหญ่นี้ ยังได้บันทึกรายชื่อบรรดาผู้ล่วงลับที่ไปรบในแต่ละสงคราม เพื่อระลึกให้คนรุ่นหลังได้รู้ว่าเพราะมีพวกเขา ประวัติศาสตร์จึงเกิดขึ้น อีกทั้งยังมีลานประกอบพิธี ที่ใช้สำหรับงานต้อนรับบุคคลสำคัญทั้งในและต่างประเทศที่มาเยือนอนุสรณ์สถานแห่งนี้ และยังใช้ในงานวางพวงมาลาพิธีสำคัญต่าง ๆ เป็นพื้นที่ที่สวยงามและบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้อย่างโดดเด่น นอกเหนือจากเรื่องของประวัติศาสตร์แล้ว ยังมีงานศิลป์ให้เยี่ยมชมในอีกฝั่งของโดม คืออาคารภาพปริทัศน์ที่ด้านในเป็นอาคารโค้งทรงกลม มีจิตกรรมฝาผนังสูง 4.3 เมตร ยาว 90 เมตร เป็นงานภาพสีน้ำมันขนาดใหญ่ ที่เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ตั้งแต่สมัยอาณาจักรสุโขทัย ไล่มาถึงยุคปัจจุบัน อันเป็นงานศิลป์จากฝีมือของ นายปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติปี พ.ศ.2552 ร่วมกับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยศิลปากรและมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งเป็นงานที่สวยงามและตระการตาชิ้นหนึ่ง จนมิอาจพลาดชมได้ บรรยากาศรอบนอกของอนุสรณ์สถานแห่งชาตินี้ ก็น่าสนใจมิใช่เล่น เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์แล้ว ยังเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของคนที่ต้องการมาหาความสงบ ร่มรื่นด้วยพื้นที่สีเขียว และตกแต่งด้วยยุทโธปกรณ์จำลองมากมาย ทั้งรถสะเทินน้ำสะเทินบก เฮลิคอปเตอร์ รถถัง แถมช่วงเย็นยังเป็นสถานที่ที่ผู้คนในละแวกใกล้เคียงนิยมมาวิ่งออกกำลังกายและเดินเล่นกัน หรือจะจัดที่นี่เป็นพื้นที่ถ่ายรูปเล่น ก็สามารถทำได้ แม้อนุสรณ์สถานที่ตั้งตระหง่านโดดเดี่ยวมานานหลายสิบปี ผู้คนเข้ามาไม่มากมายนัก แต่มันก็เป็นคลังประวัติศาสตร์ของประเทศไทยที่น่าสนใจและสามารถสนุกไปกับการเรียนรู้ได้อย่างไม่ยาก เนื่องด้วยการนำเสนอที่ทำให้เห็นภาพ จึงเหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัยให้เข้ามาเรียนรู้ ที่สำคัญ สถานที่แห่งนี้ เปิดให้บริการฟรี ทุกวัน อนุสรณ์สถานแห่งชาติ ตั้งอยู่ที่ 9 ม. 16 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 12130 โทร. 02-533-8467 เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 09.00-15.00 เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยไม่เสียค่าเข้าชม หากใครต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะ กรุณาติดต่อแจ้งล่วงหน้าเพื่อให้ทีมงานได้จัดเตรียมไกด์พาชม