ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ มีหลายๆ คนจำเป็นต้องหาที่พึ่งพา ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ และแหล่งเรียนรู้ใหม่ๆ เพื่อทำให้มีกิจกรรมทำในวันหยุด และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เช่น บางคนชอบถ่ายรูปเพื่อเก็บภาพบรรยากาศสถานที่ที่เดินทางไปแต่ละแห่ง บางคนชอบเข้าฟิตเนส บางคนชอบไปหาที่กินอาหารใหม่ และบางคนชอบเข้าวัด นั่งสมาธิ เพื่อทำจิตใจให้สงบ เพราะสังคมสมัยใหม่นี้มักมีสิ่งเร้ามากมาย จนทำให้วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณีไทยเปลี่ยนไป...เราเองก็เช่นกันค่ะ อยากไปกราบสักการะบูชาเจดีย์พุทธคยาที่อินเดียสักครั้ง แต่ก็ยังไม่มีโอกาส โชคดีที่วันนี้มีเวลาว่างเปิดหาข้อมูลเกี่ยวกับเจดีย์พุทธคยา จนรู้ว่า มีพุทธคยา(จำลอง) อยู่ที่คลองหก จังหวัดปทุมธานีค่ะ โดยอยู่ในบริเวณวัดๆ หนึ่งชื่อ วัดปัญญานันทาราม พอได้ข้อมูลแล้วก็ไม่รเช้าค่ะรีบขับรถไปทันที พอไปถึงวัดแดดร้อนมาก แต่ก็แปลกมากเช่นกันที่มีลมเย็นโชยมาตลอดทางที่เราเดินเข้าไปภายในบริเวณวัดค่ะ ภายในบริเวณวัดมีเนื้อที่กว้างมากๆ ค่ะ เราเห็นแต่คนใส่เสื้อขาว บางคนนุ่งขาวห่มขาวกันเลยก็ว่าได้ค่ะ นั่งหลับตาเหมือนทำสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ จนกระทั่งเราเดินมาถึงอาคารเฉลิมพระเกียรติเห็นพระภิกษุรูปหนึ่งยืนอยู่ด้านในค่ะ ท่านถามว่าเราคงมาที่วัดนี้ครั้งแรกใช่หรือไม่ และท่านก็อธิบายแผนผังภายในบริเวณวัดให้เราฟังอย่างละเอียดว่า วัดนี้มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 79 ไร่ โดยมีชาวบ้านถวายที่ดินแก่คณะสงฆ์เพื่อสร้างเป็นสำนักสงฆ์ จนกระทั่งปัจจุบันมีชื่อว่า วัดปัญญานันทาราม โดยทางวัดมีรูปแบบการบูรณาการสอนศาสนธรรมให้แก่โรงเรียนจนถึงระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องธรรมะ และนำศีลธรรมมาใช้ผ่านกิจกรรม “ค่ายพุทธบุตร” “ค่ายพุทธธรรม” ส่วนประชาชนทั่วไป หรือข้าราชการซึ่งอยู่ในวัยทำงานและผ่านการใช้ชีวิตมาพอสมควร จะนำหลักธรรมหรือหัวข้อความรู้ทางพุทธศาสนาทั้งหมดมาบูรณาการเพื่อนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต เรียกว่า ”ค่ายคุณธรรม” ได้ฟังท่านเล่ามาทั้งหมดแล้วเราถึงกับอดยิ้มไม่ได้จริงๆ ค่ะ ต้องขอชมจากใจเลยว่าท่านเจ้าอาวาสและคณะสงฆ์ที่วัดนี้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ ค่ะ สักพักมีเด็กชายคนหนึ่งเดินมาหาพระที่ยืนสนทนากับเราอยู่เรียกท่านว่า พระอาจารย์ คือไม่อยากรบกวนเวลาท่านนาน เราจึงขอกราบลาและกราบขอบพระคุณที่ท่านได้ให้ข้อมูล ต่อจากนั้นเราเดินต่อไปเรื่อยๆ เพราะจากแผนผังมีจนกระทั่งเจออาคารคล้ายโดมสวยงามมาก มีสระบัวอยู่ด้านหน้าซึ่งด้านในเป็นที่เรียนธรรมะเช่นกันค่ะ แต่น่าเสียดายวันที่เราไปนั้นอาคารปิดปรับปรุงเดินเข้าไปอีกหน่อยมีต้นสาละปลูกไว้หลายต้นเลยค่ะ อาคารบริเวณนี้เป็นที่ฝึกปฏิบัติและนั่งสมาธิค่ะเราเดินกลับออกมาเจอลานกว้างมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่งดงามมากตั้งอยู่ คือตอนนี้เราคิดแต่เพียงว่า ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่านอกจากวัดจะเป็นที่จัดกิจกรรมตามประเพณีต่างๆ แล้ว ที่วัดปัญญานันทารามแห่งนี้มีการพัฒนาและบูรณาการในการสอนธรรมะ เพิ่มพูนความรู้ ฝึกสมาธิ จนก่อให้เกิดสติปัญญาให้แก่ เด็ก เยาวชน และผู้ใหญ่วัยทำงานหลายต่อหลายรุ่นมาแล้ว เพื่อสามารถนำหลักคำสอนทางพุทธศาสนามาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ วันนี้เดินยังไงก็คงเดินไม่หมดจริงๆ ค่ะ เนื้อที่บริเวณวัดกว้างมาก เพราะเราไปถึงก็บ่ายแล้ว ประกอบกับทางวัดยังคงมีการจัดกิจกรรมค่ายธรรมมะเยาวชน แต่รับรองว่าเราจะต้องกลับไปอีกครั้งแน่นอนค่ะ สุดท้ายนี้ก็ขอฝากแหล่งเรียนรู้อีกแห่งที่ใช้หลักธรรมะที่ทำให้เยาวชนหลายๆ รุ่นกลับมาเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อฝึกความอดทน การมีสมาธิในการเรียน การทำงานได้เป็นอย่างดียิ่งให้แก่ทุกๆ คนสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันที่แหล่งเรียนรู้ฝึกธรรมะ ณ วัดปัญญานันทาราม ค่ะ