Vagabond (Netflix-2019) Ss1-16 EP เจาะแผนลับเครือข่ายนรก สุดยอดซีรี่ส์แนวแอคชั่น ระทึกขวัญ สายลับ ออกอากาศทางช่อง SBS ในประเทศเกาหลีใต้ และถูกถ่ายทอดออกสู่สายตาชาวโลกผ่านทาง Netflix ซึ่งกลายเป็นเจ้าของปรากฏการณ์ความฮิตถล่มทลายในปีที่ผ่านมา ด้วยพลังนักแสดงระดับแม่เหล็กของเกาหลีใต้อย่าง เบซูจี กับ อีซึงกิ ที่ไม่ว่าทั้งสองคนจะแสดงเรื่องไหน ก็สามารถสะกดแฟนซีรี่ส์ชาวไทยเอาไว้หน้าจอได้เสมอ ผนึกกำลังกับผู้กำกับมากฝีมืออย่าง ยูอินชิก (Yu In-Sik) ที่เคยฝากผลงานซีรี่ส์การแพทย์ยอดฮิตเมื่อปี 2016 อย่าง Dr.Romantic ทำให้เพียงแค่ตอนแรกที่ซีรี่ส์ออกอากาศ ก็สามารถทำเรตติ้งแตะเลขสองหลัก จากการออกฉายทั่วโลกไปถึง 10.4% และสามารถทำเรตติ้งในตอนสุดท้ายสูงถึง 13% ทั้งหมดที่กล่าวมาจึงเป็นเครื่องยืนยันอย่างดี ถึงความบันเทิงที่ผู้ชมจะได้รับจากซีรี่ส์แอคชั่น มัน ระห่ำ เรื่องนี้ ชาดัลกอน (Seung-gi Lee) สตันท์แมนที่ใช้ชีวิตตามประสาหนุ่มโสด อยู่กับ ฮุน หลานชายตัวน้อยที่พ่อแม่ของเขาไม่สนใจ ดัลกอน มีความใฝ่ฝันอยากเป็นผู้กำกับคิวบู๊ชื่อดัง แต่หน้าที่การงานในปัจจุบันมันดูไม่มีวี่แววจะพาไปถึงฝั่งฝันได้ เขาจึงตัดสินใจเบนเข็มมาขับรถแท็กซี่แทน เพื่อหาเงินให้ได้มากขึ้นและเซฟชีวิตตัวเอง เพื่อจะได้อยู่ดูแลหลานชายไปนานๆ ฮุน ได้เข้าร่วมเป็นตัวแทนประเทศ ไปแสดงศิลปะการต่อสู้ประจำชาติอย่างเทควันโดที่ประเทศโมร็อกโก ซึ่งก่อนจะเดินทางไปอาและหลานชาย ยังไม่ทันได้ปรับความเข้าใจเรื่องที่มีปัญหากัน ดัลกอน ก็ได้รับข่าวร้ายว่าเครื่องบินที่หลานชายนั่งไปนั้น เกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างทาง จนผู้โดยสารบนเครื่องทั้งหมดเสียชีวิต สิ่งสุดท้ายที่ ฮุน เหลือเอาไว้ให้กับเขาก็คือ คลิปวิดีโอที่ถ่ายไว้ก่อนเครื่องจะขึ้นบิน ดัลกอน ได้เดินทางไปยังโมร็อกโก เพื่อร่วมประกอบพิธีศพหลานชายพร้อมกับญาติผู้เสียชีวิตคนอื่นๆ แต่เขากลับพบเจอเรื่องน่าสงสัยเข้า เมื่อชายคนที่อยู่ในคลิปวิดีโอของ ฮุน ผู้โดยสารเครื่องลำเดียวกัน ชายคนที่น่าจะเสียชีวิตไปแล้ว เขากลับเห็นชายคนนั้นอยู่ตรงหน้า ดัลกอน จึงพยายามทุกทางเพื่อค้นหาความจริง ว่าตกลงแล้วการตายของ ฮุน กับคนอื่นๆบนเครื่องบินลำนั้น มันมีความลับอะไรหรือมีใครอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า ซีรี่ส์แอคชั่น สืบสวน จาก Netflix ที่กระแสค่อนข้างดีอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนตัวผมเองในทีแรกคิดว่าจะเอาไว้ก่อน ยังไม่ค่อยอยากดูเท่าไหร่ แต่พอเปิดดูตอนแรกเท่านั้นก็ต่อเนื่องยาวมาจนจบ โดยภาพรวมทั้งหมดถือว่าซีรี่ส์ทำออกมาได้ดี เนื้อหามีความซับซ้อนปมเรื่องชวนติดตาม แต่ก็ไม่ได้ยากเกินคาดเดามากนัก มีทั้งจุดที่บอกใบ้ชัดเจนเดาได้ง่ายๆ แต่บางจุดก็สับขาหลอกคนดูได้ดี ที่ออกจะผิดคาดไปในทางไม่สมหวัง เห็นจะเป็นฉากแอคชั่นงานสตันท์ที่ไม่มันสมใจ อาจด้วยเพราะรีวิวอีพีแรกของซีรี่ส์ เห็นหลายคน Hype กับงานสตันท์ ว่าดีงามเทียบเท่ากับหนังแอคชั่นสนุกๆเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว พอได้ดูด้วยตาตัวเองแล้วมันก็ดีตามนั้นจริง แต่มันดันมีแค่ตอนแรกเท่านั้นเองน่ะซิ อีก 15 ตอนที่เหลือแม้จะยังมีฉากแอคชั่นอยู่หลายฉาก ก็ออกแนวยิงโป้งป้างกันเป็นห่ากระสุน ระเบิดภูเขาเผากระท่อม แต่เหมือนหนังอาหลองนั่นแหละ กิ่งไม้ใบไม้ร่วงระนาวแทบไม่โดนคนสักนัด ฮ่าฮ่า ถ้าดูเอามันไม่คิดมากก็ไม่ได้เสียหายอะไรหรอก คือ ถ้าพระเอกนางเอกโดนยิงตาย ซีรี่ส์คงจบตั้งแต่อีพีแรกแล้วล่ะ แต่พอมันเป็นรีวิวเป็นการวิจารณ์ ผมก็ต้องหยิบเอามุมอื่นมาพูดถึงบ้าง เพราะหากให้ชมอย่างเดียวก็คงเหมือนพระเอกนางเอก โดนฆ่าตายตั้งแต่อีพีแรกนั่นแหละ คือ รีวิวสั้นๆแค่คำเดียวว่า “สนุกหรือไม่สนุก” ก็จบแล้ว อันนี้ออกตัวไว้ก่อนผมก็กลัวตายตั้งแต่อีพีแรกเหมือนกัน ฮ่าฮ่า ภาพรวมของความบันเทิงของซีรี่ส์ชุดนี้ มันจึงเป็นสถานการณ์คับขัน ของแต่ละเหตุการณ์ที่ตัวละครเอกได้เจอ มากกว่าฉากแอคชั่นที่เราก็เคยเห็นกันมาซึ่งไม่ต่างจากเรื่องอื่น แต่ละภารกิจที่ ดัลกอนกับโกแฮรี (Suzy Bae) ต้องผ่านไปให้ได้ มันอันตรายแล้วก็เป็นเรื่องท้าทายเอามากๆ จากในทีแรกที่เหมือนเป็นเพียงแค่ การก่อการร้ายเพื่อหวังผลทางธุรกิจ เรื่องราวมันขยายใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นเรื่องระหว่างกลุ่มอำนาจทางการเมือง หนอนบ่อนไส้ในองค์กร ซึ่งไม่รู้ว่าจะไว้ใจใครได้บ้าง ส่วนที่ผมชอบที่สุดของซีรี่ส์ชุดนี้ เห็นจะเป็นเส้นเรื่องของฝ่ายตัวร้าย เล่าได้ชวนติดตาม แต่ละคนดูเป็นไปได้ทั้งหมดที่จะบงการอยู่เบื้องหลัง แล้วตัวละครมีมิติมากกว่าแค่ทำเพราะโลภ หรือว่าทำเพราะแค่เป็นคนเลว เมื่อสิ่งต่างๆที่ตัดสินใจทำ พวกเขาบอกกับตัวเองว่าที่ทำไปก็เพื่อส่วนรวม เพื่อความรุ่งโรจน์ของประเทศชาติ แลกมากับการตายของผู้โดยสารบนเครื่องบิน มันเทียบไม่ได้เลยกันสิ่งที่ประเทศจะได้รับ แต่ละตัวละครฝ่ายคนร้าย ทุกคนต่างมองหาเหตุผลมารองรับการทำผิดของตัวเอง ส่วนตัวละครเอกอย่าง ดัลกอน แรงขับในการทำเรื่องเสี่ยงตาย ไม่มีอะไรซับซ้อนเลยนอกจากแรงแค้น และการพยายามต่อสู้เพื่อค้นหาความจริง ที่เอาตรงๆหากเหตุการณ์ในซีรี่ส์นี้เกิดขึ้นจริง ยังมองไม่ออกเลยว่าพ่อหนุ่มสตันท์แมนขาลุยคนนี้ จะเอาไม่ซีกไปงัดไม่ซุงได้ยังไง ในอีพีแรกๆสารภาพว่า ผมค่อนข้างลำไยกับตัวละครนี้ เมื่อดูจะมุทะลุไม่ค่อยมีเหตุผล จนหลายครั้งกลายเป็นการหาเรื่องใส่ตัว แต่พอมองย้อนดูคาแรคเตอร์ตัวละครดีแล้ว ก็พอเข้าใจได้ว่าด้วยอาชีพที่เป็นสตันท์แมน แน่ล่ะว่าย่อมเป็นคนที่สามารถยอมทำอะไรเสี่ยงตายได้ โดยไม่นึกถึงความน่าจะเป็นอื่น ต้องเป็นคนใจถึง หัวแข็ง อึดถึก ทนมือทนไม้ จะให้มาเก่งเพอร์เฟคเป็นจอมวางแผนมันสมองเป็นเลิศคงไม่ใช่ ส่วนความดีงามอีกอย่างหนึ่งของซีรี่ส์อย่าง เบซูจี ที่รับบทเป็น โกแฮรี ในทีแรกตัวละครนี้ดูเหมือน จะตกกระไดพลอยโจนเสียมากกว่า แต่ยิ่งสถานการณ์ผ่านไปเรื่อยๆมันก็ชัดเจนว่า ที่เธอยอมเสี่ยงชีวิตช่วย ดัลกอน มันเป็นเพราะอุดมการณ์ ก่อนที่ครึ่งหลังของซีรี่ส์จะค่อยๆพัฒนา ความรู้สึกของสองตัวละครเอก จากแค่เป็นหน้าที่ที่ต้องร่วมมือกัน จนกลายเป็นความเต็มใจเพื่อช่วยเหลือกัน แล้วพัฒนาเป็นสิ่งที่อยากทำเพื่อกันและกัน สรุปแล้ว Vagabond (Netflix-2019) Ss1-16 EP เจาะแผนลับเครือข่ายนรก เป็นซีรี่ส์แอคชั่น สืบสวน ที่สนุกมากเรื่องหนึ่งเลยนะ ส่วนตัวมองว่าความแอคชั่นไม่ได้สดใหม่อะไร แต่สิ่งที่ทำได้ดีคือ สถานการณ์คับขัน ความตื่นเต้น ลุ้นระทึก ที่ระดมเข้าใส่คนดูตลอด 16 ตอน ความซับซ้อนน่าติดตาม ที่คนดูคงอยากหาคำตอบให้ได้ว่า ตกลงแล้วใครร่วมมือกับใครบ้าง แล้วใครกันที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดเครดิตภาพจาก https://www.hancinema.net/