การที่เด็กคนหนึ่งจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขได้นั้น ย่อมต้องอาศัยปัจจัยต่าง ๆ มากมาย เริ่มตั้งแต่การเลี้ยงดู การอบรมสั่งสอน และการเล่นสนุกนอกบ้านเพื่อเรียนรู้โลกกว้าง ฯลฯ สำหรับครอบครัวที่พ่อแม่พยายามจนสุดแรงกำลัง แต่บางครั้งกลับพบว่า ลูกไม่สามารถทำในบางสิ่งบางอย่างได้เท่ากับเด็กในวัยเดียวกัน หลายครอบครัวจึงได้ตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมลูกเราถึงเป็นแบบนี้ และบางครอบครัวถึงกับโทษกันเองในเรื่องการเลี้ยงดูลูก ทั้งที่ความจริงแล้ว หากทุกครอบครัวทำหน้าที่อย่างดีที่สุด แต่ลูกไม่สามารถทำในบางสิ่งนั้นได้ ไม่ใช่เพราะพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูทำสิ่งใดผิดพลาดไป หากแต่ลูกของเราอาจมีความบกพร่องด้านพัฒนาการ หรือสติปัญญาก็เป็นได้ค่ะ // ภาพโดย Freepik จาก Freepik // อ่านมาถึงประโยคนี้แล้ว หลายครอบครัวอาจจะรู้สึกเสียใจในโชคชะตาของลูก ที่เกิดมาต่างจากเด็กทั่วไป แต่เราจะบอกว่า เสียใจให้พอ แล้วลุกขึ้นสู้ต่อเพื่อลูกของเรา เพราะพ่อแม่ทุกคนคือส่วนสำคัญที่จะช่วยเหลือให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขและดูแลตัวเองได้ ด้วยการพาลูกเข้าสู่กระบวนการรักษาและฟื้นฟูพัฒนาการของลูกตั้งแต่ช่วงเวลาที่พวกเขายังเล็ก ๆ เพราะย่อมให้ผลดีกว่าการแก้ไขในตอนที่ลูกเติบโตขึ้นแล้ว และที่สำคัญ "ห้ามละเลยเรื่องพัฒนาการของลูกโดยเด็ดขาด" เพราะพัฒนาการในวัยเด็กมีผลการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ หากลูกไม่ได้รับการบำบัด รักษา เยียวยา หรือฟื้นฟู อาจทำให้ลูกมีปัญหาด้านสุขภาพกายและใจเมื่อถึงวันที่เขาเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ สำหรับครอบครัวที่ลูกมีปัญหาด้านพัฒนาการ และกำลังหาข้อมูลสถานพยาบาลของรัฐบาลที่ให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพของเด็ก เราขอแนะนำ “คลินิกฟื้นฟูสมรรถภาพเด็ก สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ ซอยติวานนท์ 14 อำเภอเมืองฯ จังหวัดนนทบุรี” เพราะคลิกนิกแห่งนี้เปิดให้บริการเด็กที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกายและการเคลื่อนไหวเป็นหลัก เช่น เด็กสมองพิการ เด็กที่ได้รับบาดเจ็บทางสมอง เป็นต้น นอกจากนี้ ยังให้บริการฟื้นฟูเด็กออทิสติก (Autistic) เด็กที่มีความบกพร่องด้านการเรียนรู้ (Learning Dysfunction : LD) เด็กสมาธิสั้น (ADHD) และเด็กที่มีความบกพร่องด้านร่างกายอื่น ๆ โดยผู้ให้บริการเป็นกลุ่มสหวิชาชีพ เช่น คุณหมอ พยาบาล นักกิจกรรมบำบัด นักกายภาพบำบัด และนักแก้ไขการพูด ซึ่งโปรแกรมการให้บริการ ได้แก่ กิจกรรมบำบัด กายภาพบำบัด การให้ความรู้เกี่ยวกับโรค และการดูแลให้ความช่วยเหลือแก่เด็ก (อ่านเพิ่มเติมเรื่อง โปรแกรมการให้บริการที่เว็บไซต์ของคลินิกฟื้นฟูสมรรถภาพเด็ก) // ภาพโดย Freepik จาก Freepik // ครอบครัวที่มีความประสงค์จะนำลูกเข้ารับการตรวจรักษา และกระตุ้นพัฒนาการที่คลินิกแห่งนี้ ต้องพาลูกมาพบคุณหมอ เพื่อประเมินพัฒนาการก่อนเป็นอันดับแรก สามารถมาพบคุณหมอได้ทั้งในและนอกเวลาราชการนะคะ เพราะในปัจจุบันมีคลินิกพิเศษที่คุณหมอลงตรวจทุกวันแล้วค่ะ เมื่อได้เข้าพบคุณหมอ จะมีการตรวจประเมินว่า เด็กมีความบกพร่องด้านใด และควรได้รับการฝึกด้านใดบ้าง เช่น กิจกรรมบำบัด กายภาพบำบัด หรือแก้ไขการพูด ทั้งนี้ ผู้ปกครองควรพาลูกมาฝึกให้ตรงตามเวลาที่นัดหมาย โดยภายหลังจากเข้ารับการฝึกครบ 10 ครั้ง คุณหมอจะนัดตรวจประเมิน หากพัฒนาการยังไม่ดีขึ้น ก็จะส่งฝึกต่ออีก 10 ครั้ง แล้วกลับมาประเมินกันอีกครั้ง และหากยังไม่ดีขึ้นเด็กจะต้องฝึกและกลับมาพบคุณหมอในลักษณะนี้ จนกว่าคุณหมอจะประเมินให้ผ่าน อย่างไรก็ตาม ทุกการฝึกฝนย่อมต้องอาศัยเวลา พ่อแม่อย่าพึ่งในร้อนคิดว่าพบคุณหมอ หรือเข้ารับการฝึกแล้วลูกจะดีขึ้นทันตาเห็น ขอให้อดทนต่อระยะเวลาที่ค่อนข้างยาวนานนี้ แต่ลูกของทุกครอบครัวจะดีขึ้นจริง ๆ ค่ะ // ภาพโดย Freepik จาก Freepik // คลินิกฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กแห่งนี้ มีจุดเด่น คือ ความถี่ในการฝึกเด็กอย่างน้อยเดือนละ 3 ครั้ง ซึ่งถี่กว่าโรงพยาบาลของรัฐบาลแห่งอื่น รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการฝึก ครั้งละ 420 บาท แต่หากมีบัตรคนพิการ “รักษาฟรี” ช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายของครอบครัวได้อย่างมาก นอกจากนี้ การฝึกบางอย่างคุณครูจะอนุญาตให้ผู้ปกครองอยู่กับเด็กด้วย เพื่อศึกษาแนวทางและนำไปฝึกต่อที่บ้านได้// ภาพโดย Freepik จาก Freepik // เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการช้าหรือเร็ว ไม่เท่ากัน ขอเพียงพ่อแม่เอาใจใส่ หากพบเห็นความไม่ปกติในตัวลูก เช่น ไม่พลิกตัว ไม่คลาน ไม่อ้อแอ้ ชอบหมุนตัว ชอบนั่งมองพัดลม พูดช้า พูดภาษาแปลก ๆ ซุกซนกว่าปกติ ฯลฯ ขอแนะนำให้รีบพาไปพบคุณหมอ ยิ่งถ้าพ่อแม่สังเกตพบความผิดปกติของลูกได้เร็ว ลูกก็ย่อมเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูได้เร็ว และพัฒนาการต่าง ๆ จะดีขึ้นโดยลำดับ จนเกือบจะใกล้เคียงกับเด็กปกติด้วย ขอให้ลูกของทุกครอบครัวเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กที่มีความสุขนะคะ // เครดิตภาพปก (ฟรี) จาก Canva Application //