หลังจากที่เราหาข้อมูลและไตร่ตรองจากอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งความเชี่ยวชาญคุณหมอ ทั้งรีวิว ทั้งราคา เราตัดสินใจที่จะมาปลูกผมกับ Mediren Clinic สาขากรุงเทพค่ะ อยู่ถนนเลียบคลองประปา แถวเมืองทองธานี สถานที่อาจจะไกลหน่อย แต่ด้วยความถี่ที่เราต้องเข้ามาพบคุณหมอจริงๆ แล้วไม่ได้บ่อยขนาดนั้นนะคะ เราคิดว่าไกลหน่อยก็ไม่เป็นไร เอาคุณภาพเป็นหลักดีกว่า อันที่จริง Mediren Clinic มีหลายสาขาทั่วประเทศ นอกจากกรุงเทพฯ แล้วก็จะมีที่ อุบล อุดร และเชียงใหม่ แต่ไม่ต้องห่วงว่าฝีมือหมอไม่นิ่ง เพราะที่นี่มีคุณหมอท่านเดียวที่เป็นคนปลูกให้ นั่นก็คือ แพทย์หญิงเบญจวรรณ บุตรวงศ์ หรือคุณหมอเบญนั่นเอง คุณหมอนอกจากจะได้รับประกาศ American Board แล้ว ท่านยังได้เป็นกรรมการเทรนนิ่งแพทย์ปลูกผมของสมาคมแพทย์ปลูกผมโลกด้วยนะคะ เชี่ยวชาญแค่ไหนต้องลองถามใจเธอดูแล้วแหละพี่จ๋า สำหรับชื่อ Mediren Clinic อาจจะไม่ค่อยคุ้นกันจากสื่อการตลาดกันเท่าไหร่ เพราะที่นี่จะเน้นการแนะนำกันปากต่อปาก ไม่ได้เน้นทำเคสรีวิว ทำการตลาดมากนัก แต่ถ้าเรื่องฝีมือก็ต้องยกให้เค้าจริงๆ เพราะอยู่ในวงการศัลยกรรมปลูกผมมานานมากกกก เรียกได้ว่าอยู่ในยุคบุกเบิกของศัลยกรรมปลูกผมในเมืองไทย โดยเฉพาะเทคนิคการปลูกผมแบบ FUE (ไม่ต้องผ่า) ที่เคยเป็นข้อถกเถียงว่าได้ผลลัพธ์ได้ไม่ดีเท่าแบบ FUT (ผ่าหนังศีรษะ) แต่มาถึงวันนี้ก็ต้องยอมรับว่าด้วยความเชี่ยวชาญของคุณหมอและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น ได้ทำให้การปลูกผมแบบ FUE เป็นที่ยอมรับแล้วว่าสามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีเป็นที่น่าพอใจ อยากจะมาปลูกผมที่ Mediren Clinic ต้องเริ่มยังไงบ้าง? ก่อนอื่นต้องเข้าไปพบคุณหมอก่อนค่ะ ในเบื้องต้นมีข้อสงสัยหรืออยากสอบถามเพิ่มเติมคร่าวๆ เราสามารถโทรเข้าไปที่คลินิค หรือ Inbox ไปที่ Facebook เค้าได้นะคะ จากนั้นทำการนัดล่วงหน้าเพื่อเข้าพบคุณหมอค่ะ Website: Mediren Clinic Facebook: www.facebook.com/MedirenClinic Photo by ผู้เขียน พบคุณหมอครั้งแรก ขับรถตาม Location ที่ปักหมุดไว้ใน Google Maps มาได้เลยค่ะ คลินิคเป็นลัษณะคล้ายๆ บ้าน สงบดี คนไม่พลุกพล่าน เวลาเรามาทำศัลยกรรมก็ไม่อยากจะเจอใครเยอะอ่ะเนอะ พอได้คิวพบคุณหมอแล้ว อย่างแรกเลยคือเปิดพื้นที่ปัญหาหนักใจให้คุณหมอดูก่อนเลยค่ะ คุณหมอจะดูลักษณะเส้นผมและหนังศีรษะต่างๆ ว่าสามารถทำการปลูกผมได้หรือไม่ (โดยส่วนใหญ่ทำได้หมดนะคะ) จากนั้นคุณหมอก็จะกำหนดพื้นที่ว่าเราควรจะปลูกตรงไหน ปริมาณแค่ไหน แต่คุณหมอจะถามเราตลอดนะคะว่าแบบนี้โอเคมั้ย เพราะลูกค้าบางคนอาจจะต้องการหน้าผากรูปหัวใจ หรือหน้าผากแบบโค้งมน ซึ่งทั้งหมดนี้คุณหมอสามารถออกแบบให้ได้ทั้งหมดค่ะ จากนั้นคุณหมอก็จะแจ้งว่าเราต้องทำทั้งหมดกี่กราฟท์ ราคาที่ทางคลินิคกำหนดไว้คือ กราฟท์ละ 69 บาท เราสามารถคำนวณได้เลย เช่น เราทำ 1,800 กราฟท์ x 69 บาท = 124,200 บาท ในส่วนของงบประมาณถ้าหากว่าสูงเกินไป เราปรึกษาคุณหมอได้นะคะว่าสามารถทำปริมาณน้อยลงมายังไงได้บ้างมั้ย คุณหมอก็จะช่วยดูให้โดยที่ยังได้ผลลัพธ์ยังออกมาอยู่ในจุดที่น่าพอใจอยู่ค่ะ ราคาที่แจ้งไว้เป็นราคาที่ครอบคลุมการบริการ ยา และเครื่องมือแพทย์ต่างๆ ที่จำเป็นกับการปลูกผมทั้งหมดแล้วนะคะ ส่วนของโปรโมชั่น หรือการผ่อนชำระต่างๆ ลองปรึกษากับทางคลินิคได้เลยค่ะ เมื่อปรึกษากับคุณหมอเสร็จแล้ว เราจะตกลงทำ จ่ายเงินมัดจำ นัดวันเลยก็ได้ หรือจะกลับบ้านมานั่งคิดพิจารณาอีกสักพักก็ได้ค่ะ แต่จะมีค่าเข้าพบคุณหมอ 500 บาท ซึ่งเงินตรงนี้หากเราตกลงทำแล้ว ทางคลินิคจะคืนเงินให้ทีหลังค่ะ Photo by ผู้เขียน นัดเรียบร้อย เตรียมตัวยังไงต่อคะ? ก่อนอื่นเลยต้องตรวจเลือด Anti HIV ค่ะ ถ้าสะดวกไปตรวจที่คลินิคก็ได้ หรือถ้าบ้านอยู่ไกลจะตรวจที่อื่นก็ได้ค่ะ แล้วเอาผลมาให้ที่คลินิควันที่ปลูก ช่วงก่อนเข้านัดประมาณ 3-7 วัน จะต้องงดเครื่องดื่มแอลกอฮลล์ งดวิตามินอาหารเสริมต่างๆ จากนั้นก็พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด ไม่วิตกกังวล ถึงวันนัดแล้ว ลุยกันเล้ยยยย แนะนำให้ใส่เสื้อเชิร์ตมานะคะ เวลากลับบ้านไปจะได้สะดวกถอดออก มาถึงที่คลินิคปุ๊บเปลี่ยนชุดที่เค้าเตรียมไว้ให้ จากนั้นวัดความดัน กินยานิดหน่อย (น่าจะเป็นยาคลายเครียดนะคะ ระหว่างทำจะได้เพลินๆ ) หลังจากนั้นน้อง Staff จะมาโกนลูกผม และผมปกติบริเวณใกล้เคียงพื้นที่ปลูกเล็กน้อย เพื่อที่จะได้ปลูกผมเข้าไปแซมในบริเวณผมปกติบ้าง ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติ จากนั้นก็จะโกนผมบริเวณด้านหลังที่จะทำการเจาะรากผมออกมา โดยจะโกนตรงกลางศีรษะด้านหลัง โดยให้มีผมทุกด้านอยู่อย่างเดิม เพื่อให้ปล่อยผมลงมาแล้วจะไม่เห็นว่าเราโกนผมค่ะ (ทรงผมอาจจะดูตลกหน่อยนะคะ 555) จากในรูปจะเห็นว่าโกนบริเวณค่อนข้างกว้าง เพราะการปลูกผมแบบ FUE จะใช้การเจาะรากผมกระจายทั่วศีรษะ ไม่ได้หมายความว่าตรงที่โกนทั้งหมดตรงนี้จะเจาะออกมาทั้งหมดนะคะ เดี๋ยวเวลาผ่านไป ผมก็จะยาวขึ้นมาเหมือนปกติค่ะ Photo by ผู้เขียน อุปกรณ์เตรียมเรียบร้อยแล้ว เชิญที่เตียงเลยค่ะ (จากตรงนี้ไปจะไม่มีการถ่ายรูปแล้วนะคะ จะอยู่ในขั้นตอนการทำงานแล้วค่ะ) เริ่มจากขั้นตอนแรก ขั้นตอนการเจาะรากผมออกมา โดยเราจะต้องนอนตะแคงและนอนคว่ำให้คุณหมอค่อยๆ บรรจงเอารากผมออกมา แต่เราจะต้องฉีดยาชาก่อนค่ะ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่เจ็บที่สุดในกระบวนการแล้ว และเป็นขั้นตอนที่หลายๆ คนกลัว เพราะอ่านมาหลายสำนักแล้ว เค้าก็บอกกันว่าเจ็บจริงๆ และที่ประสบมา...ก็เจ็บจริงๆ ค่ะ 55555 แต่ก็ยังอยู่ในจุดที่พอทนได้นะคะ เราไม่แน่ใจว่าที่อื่นฉีดกันแบบไหนนะคะ แต่ที่ Mediren Clinic เค้าฉีดแบบรัวๆ จึ๊กๆๆๆ เลยที่ศีรษะ ไม่นานนักเราก็จะรู้สึกชา จะรู้สึกแค่เหมือนมีอะไรมาโดนหัวเราเท่านั้น ไม่เจ็บแต่อย่างใด จากนั้นก็เริ่มกระบวนการเจาะรากผมค่ะ ในส่วนของรายละเอียดว่าใช้เครื่องมืออะไร ทำอะไรบ้างตรงนี้เราไม่ทราบนะคะ เพราะคุณหมอปิดผ้าเราทั้งหมด ในบางส่วนของการเจาะรากผมอาจจะต้องมีการกดศีรษะเรากับเตียงบ้างนะคะ แต่ทุกอย่างถ้าเราไม่ไหวจริงๆ เราสามารถแจ้งกับทางคุณหมอได้เลย แต่เราไหวอยู่นะคะ บางช่วงมีหลับไปเลยด้วยซ้ำ 5555 เจาะผมเสร็จแล้ว พักชมโฆษณาสักครู่ค่ะ ทางคลินิคจะเตรียมอาหารไว้ให้เราทานระหว่างพักเบรค เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย นั่งพักผ่อนยืดเส้นยืดสายในห้องส่วนตัวที่เตรียมไว้ให้ ถ้าใครมีเพื่อนหรือญาติมารอ เค้าก็จะให้มานั่งพักผ่อนตรงนี้ค่ะ นั่งเม้าท์มอยกันได้สักพักก็จะมี Staff เข้ามาเชิญไปดำเนินการต่อจ้า ขั้นตอนต่อไปคือการเอารากผมปักลงไปในที่ที่เราต้องการกันเถอะจ้ะ ไม่พูดพร่ำทำเพลง เริ่มจากการฉีดยาชาอีกแล้วจ้ะพี่จ๋า รัวเหมือนเดิม เจ็บเท่าเดิม แต่ก็ทนได้เหมือนเดิมเช่นกันค่ะ พอชาปุ๊บ คุณหมอก็จะค่อยๆ ดำเนินการนำรากผมลงปลูกทีละกราฟท์ๆ ขั้นตอนนี้ต้องการความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของคุณหมออย่างมาก เพราะถ้าทำออกมาไม่สวย ผมที่ขึ้นมาก็ไม่สวยเหมือนกัน สำหรับขั้นตอนนี้ไม่มีอะไรเจ็บเลย นอนหลับไปเลยค่ะ ระยะเวลาตั้งแต่เปลี่ยนชุดเตรียมความพร้อม จนปลูกเสร็จเรียบร้อยเกือบ 7 ชั่วโมง ตอนนี้เสร็จเรียบร้อยค่า ไม่มีความเจ็บ ความมึนแต่อย่างใด เราจะกลับบ้านโดยมีผ้าก็อชปิดบริเวณที่เจาะรากผมด้านหลังทั้งหมด แล้วทาง Staff ก็จะปล่อยผมลงมาปิดผ้าก็อชให้เรียบร้อย สำหรับคืนแรกจะต้องนอนยกหัวสูงนิดนึงโดยใช้หมอนรองคอดันเอาไว้ ส่วนแผลต่างๆ ยังไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น กินยาตามที่คุณหมอให้มาอย่างเดียว วันรุ่งขึ้นจะต้องเข้ามาให้ทีม Staff ล้างกราฟท์และสอนวิธีล้างให้ จริงๆเราสามารถเข้ามาให้ทางคลินิคล้างให้ได้ 7 วันเลยนะคะ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หลังจากนี้ก็จะเป็นช่วงการดูแลรักษา ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรกเป็นช่วงที่กราฟท์ผมยังไม่แข็งแรงมาก ต้องระวังเป็นพิเศษ ไม่ก้มหัวต่ำ ไม่กระแทก ไม่โดนแดด หากจำเป็นต้องออกที่แจ้งต้องกางร่มหรือใส่หมวก กินยาตามที่คุณหมอสั่งให้ครบถ้วน และที่สำคัญคือต้องรักษาความสะอาดด้วย ต้องทำความสะอาดกราฟท์ผมทุกวันเช้าเย็น ต่อจากนี้ก็ดูแลตัวเองไปยาวๆ มาหาคุณหมอบ้างเป็นระยะๆ เพื่อให้มั่นใจว่าลักษณะของเส้นมีการขึ้นที่ปกติ หรือถ้ามีอะไรที่เป็นอุปสรรคต่อการขึ้นของเส้นผมก็จะได้แก้ไขได้อย่างรวดเร็วค่ะ สุดท้ายนี้เราอยากจะฝากให้ทุกคนที่กำลังสนใจที่จะปลูกผม พยายามหาข้อมูล อ่านรีวิวให้มากๆ นะคะ เพราะการปลูกผมเป็นการถอนผมของเราเองออกมาแล้วไปปลูกลงที่ใหม่ ถ้าผลลัพธ์ออกมาไม่ได้อย่างที่หวัง นั่นหมายความว่าผมโดยรวมของเราก็จะน้อยลงไปอีกนะคะ ทรัพยากรมีน้อยต้องใช้สอยอย่างประหยัดนะคะ เลือกให้ดีที่สุด สำหรับปัจจัยหลักๆ ในการเลือกว่าเราจะไปปลูกผมที่ไหนมีประมาณนี้ค่ะ ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะคะ Photo by Dr_Alan_Bauman from flickr "คุณหมอ" เชี่ยวชาญขนาดไหน? สิ่งที่การันตีความรู้ความเชี่ยวชาญของคุณหมอได้นอกเหนือจากรีวิวแล้ว ก็คงเป็นใบประกาศษนียบัตรต่างๆ ซึ่งในวงการศัลยกรรมปลูกผมก็จะมี AMERICAN BOARD OF HAIR RESTORATION SURGERY (ABHRS) หรือ อเมริกันบอร์ดศัลยกรรมปลูกผม ที่เป็นเครื่องการันตีที่ได้รับการยอมรับได้ถึงความเชี่ยวชาญของแพทย์ในด้านการปลูกผม เวลาเราเลือกคุณหมอ เราควรดูที่ประวัติการทำงานของเค้าด้วยว่าอยู่ในวงการนี้มานานแค่ไหน มีความรู้ความเชี่ยวชาญโดยตรงหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ก็จะช่วยให้เราอุ่นใจขึ้นได้ค่ะ รีวิวเป็นยังไงบ้าง? อยู่ในยุคที่ Social Network รายล้อมขนาดนี้ เราต้องใช้ประโยชน์จากมันสิคะ ลองเสิร์ชกูเกิ้ล ดูรีวิวพันทิป ดูการพูดคุุยในห้องศัลยกรรมต่างๆ แต่ทั้งหมดก็ต้องใช้วิจารณญาณด้วยนะคะ บางอันก็ของจริง บางอันก็หน้าม้า เห็นเจ้าไหนที่เราคิดว่ารีวิวดีแล้ว ก็อาจจะลองเสิร์ชดูอีกทีว่ามีเคสที่ไม่ดีมั้ย หรือจะลองตั้งกระทู้ถามชาวเน็ตไปเลยก็ได้ มีคนช่วยเราตอบอยู่แล้วแน่นอนค่ะ โปรโมชั่นดึงดูดใจจังเลย... อันนี้ต้องจับตีมือเลยค่ะ อย่าเลือกคุณหมอจากโปรโมชั่นเด็ดขาด!! จริงอยู่ว่างบประมาณก็เป็นเรื่องที่เราต้องดู แต่ต้องไม่ใช่ปัจจัยหลักในการตัดสินใจนะคะ ของถูกแล้วดี อาจจะมีอยู่จริง แต่ที่ไม่จริงก็มีอยู่มาก ยังไงเราก็ต้องเน้นคุณภาพเป็นหลักก่อน เพราะศัลยกรรมคือการทำที่เห็นผลถาวร เห็นไปอีกนานแสนนาน ทำออกมาแล้วดีก็ดีไป ทำออกมาไม่ดีต้องมานั่งตามแก้หรือทนอยู่กับมันไปอีกยาวๆนี่ไม่โอเคแน่ๆ