อื่นๆ

5 คำพูดของรูมิ ที่จะช่วยเปลี่ยนวิธีคิดของเราได้

243
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
5 คำพูดของรูมิ ที่จะช่วยเปลี่ยนวิธีคิดของเราได้

เชื่อว่า พอได้อ่านชื่อหัวข้อแล้วคงมีสงสัยกันบ้างใช่ไหมคะ ว่า รูมิ คือใคร...

ในครั้งแรกที่ผู้เขียนได้อ่านบทความภาษาอังกฤษเกี่ยวกับปรัชญาของรูมิ ผู้เขียนก็สงสัยเหมือนค่ะ แต่ก็ถึงบางอ้อทันทีหลังไปค้นคว้าประวัติ และก็ได้รู้ว่า ชื่อเต็มๆ ของเขา คือ เมาลานา ญะลาลุดดิน รูมี (Maulana Jalaluddin Rumi)

เมาลานา ญะลาลุดดิน รูมี (Maulana Jalaluddin Rumi) ขอบคุณรูปภาพจาก Rumi Thai

ท่านเป็นนักกวี และนักวิชาการชาวเปอร์เชียผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของมนุษยชาติ ในช่วงศตวรรษที่ 13  และหลังจากที่ได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับท่านแล้ว  ยอมรับ และหมดคำสงสัยในความปราดเปรื่องจริงๆ ค่ะ

คำพูดของรูมิ สะท้อนความคิดได้ดีมาก อีกทั้งยังสร้างแรงบัลดาลใจ และปลุกความหวังในชีวิตขึ้นมาด้วย ผู้เขียนจึงอยากจะนำคำพูดบางส่วนของรูมิ
มาแบ่งปันให้เพื่อนๆ ได้รับพลังบวกในชีวิต เหมือนที่ผู้เขียนเองก็ได้รับเช่นกัน :D

Advertisement

Advertisement

" Yesterday I was clever so I wanted to change the world.

Today I am wise so I am changing myself "

ในหนึ่งเส้นทางของชีวิต ในช่วงวัยที่แตกต่าง วิธีคิดเราอาจจะเปลี่ยนไป เมื่อก่อนเราอาจมองหาวิธีที่จะเปลี่ยนโลกด้วยความคิดเจ๋งๆ ของเรา แต่เมื่อเราโตขึ้น เราก็จะเข้าใจได้ว่า ความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงโลก (คนอื่น) ช่างเป็นความคิดที่โง่เขลาเสียเหลือเกิน

หากมองโลกความเป็นจริงด้วยปัญญา เราก็จะค้นพบว่า..... สังคมของเราอยู่กันด้วยความเหมือนและแตกต่าง เราไม่มีสิทธิที่จะไปบอกให้ใครต่อใครเปลี่ยนตัวตนเพื่อให้เข้ากับเราได้ และแทนที่เราจะไปเปลี่ยนคนอื่น เปลี่ยนตัวเองมันไม่ง่ายกว่าหรือ เปลี่ยนเพื่อให้ตัวเองดีขึ้นและสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุข

" The quieter you become the more you are able to hear. "

Advertisement

Advertisement

สำหรับผู้เขียนแล้ว ชอบคำพูดนี้ของรูมิมากที่สุด เพราะมันตรงกับสิ่งที่เคยเผชิญกับชีวิตมาก่อน ยิ่งตอนนี้ได้กลับมาตั้งใจทำงานเขียนที่ถ่ายทอดเรื่องราวปัญหาในชีวิตของหลายๆ คน มาเป็นตัวอักษรและบรรยายเสียงให้ได้ฟังกัน

ยิ่งต้องฝึกตัวเองให้เงียบ มีสมาธิ จดจ่อกับเรื่องราวของคนตรงหน้า เพื่อที่จะได้รวบรวมเนื้อหามาให้ได้มากที่สุด เพราะยิ่งเราเงียบมากเท่าไร เราก็จะได้ยินเขาพูดมากเท่านั้น อีกทั้งใจเราก็สงบ ทำให้เห็นสีหน้า ท่าทาง การเคลื่อนไหวต่างๆ ของคนตรงหน้าได้ชัดขึ้นและทำให้เราจดจำได้ดีขึ้นด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น มันทำให้เรามองเห็นถึงปัญหาที่แท้จริงของคนๆ นั้น และสามารถที่จะช่วยให้เขาแกะปมนั้นได้ด้วยตัวของเขาเอง

ผู้เขียนคิดว่า คำพูดนี้ มันสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกสถานการณ์ในชีวิต เพราะฉะนั้น เพื่อนๆ ที่อ่านแล้ว อย่าลืมนำไปใช้กันด้วยนะคะ :)

Advertisement

Advertisement

" The art of knowing is knowing what to ignore…

Ignore those that make you fearful and sad,

that degrade you back towards disease and death. "

ความกลัวและความเสียใจ ไม่ใช่สิ่งไม่ดี แต่หากเรารู้ว่า การกระทำใดหรือบุคคลใดที่จะนำสิ่งนี้มาให้เรา เราก็ควรจะหลีกหนีให้ไกลที่สุด เพราะมันไม่ได้เกิดประโยชน์อะไรต่อชีวิตเลย ที่ต้องทนกับความรู้สึกที่ไม่ดีเหล่านี้

ดังนั้น จงเพิกเฉยต่อสิ่งที่ทำให้เราไม่มีความสุขจะดีกว่านะ

" It’s your road, and yours alone, others may walk it with you,

but no one can walk it for you. "

ถนน ก็เปรียบเหมือนเส้นทางชีวิตที่คุณกำลังก้าวเดินไปข้างหน้า จริงอยู่ว่า ในชีวิตจะมีคนมากมายที่คอยช่วยเหลือ คอยให้กำลังใจ จับมือเราเดินไปบนถนนสายนี้ แต่เชื่อเถอะ ไม่มีใครหรอกที่จะยอมสร้างถนนเพื่อให้คุณเดิน มีแต่คุณนั่นแหละที่จะสร้างมันได้ด้วยตัวคุณเอง

" Your task is not to seek for love,

but merely to seek and find all the barriers

within yourself that you have built against it. "

ความรัก คือ สิ่งสวยงาม เราทุกคนต่างก็ได้ยินกันมาแบบนี้ แต่เราควรรักตัวเองให้เป็นก่อน ก่อนที่จะไปพยายามรักใคร...

บางคนกลัวที่เริ่มต้นกับใครสักคน เพราะอายกับสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ "ฉันอ้วน" "ฉันดำ" "เขาหน้าตาดีเกินไป เขาจะมองคนอย่างเราหรอ"
ข้ออ้างต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหัว ล้วนแต่เป็นอุปสรรคที่ตัวเราสร้างขึ้น เพื่อทำลายความมั่นใจในตัวเองทั้งนั้น

นั่นไม่ใช่การถ่อมตัว แต่มันคือ กับดักความกลัวที่เราไปลดคุณค่าตัวเอง และถือว่าเราไม่ได้ให้ความรักกับตัวเองด้วย ขนาดตัวเรายังไม่เห็นคุณค่ากับสิ่งที่เป็นอยู่ และไม่ยอมรับตัวเองเลย แล้วใครล่ะ ที่จะมองเห็นความงดงามภายในที่แท้จริง ถ้าไม่ใช่ตัวเราเอง

การยอมรับในตัวเอง โอบกอดและรู้จักให้อภัยตัวเองบ้าง นั่นคือสิ่งที่จะช่วยให้ตัวเราผ่านพ้นกับอุปสรรคต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาได้ และมันก็เป็นความรักที่แท้จริงด้วย ที่หลายๆ คนตามหา แต่ไม่รู้เลยว่า มันอยู่ใกล้แค่นี้เอง


ผู้เขียนหวังว่า 5 คำพูดของรูมิในบทความนี้ จะช่วยสร้างพลังบวกให้กับเพื่อนๆ ในการดำเนินชีวิตกันต่อไปได้ และหากเราตั้งใจอ่านด้วยสติ พร้อมด้วยปัญญา เราทุกคนจะรู้ว่า การมีความสุขในชีวิตมันไม่ได้ยาก และแรงบัลดาลใจมันก็สร้างกันได้

และไม่ว่าชีวิตกำลังพบเจออุปสรรคมากมายขนาดไหน ก็อย่าลืมที่จะกอดและให้อภัยตัวเอง ยอมรับตัวเองบ้าง อย่าโทษตัวเองนักเลย เพราะไม่มีใครบนโลกใบนี้ที่ช่วยให้เราหลุดพ้นกับความรู้สึกผิดได้ดีเท่าตัวเองแล้ว

สุดท้ายนี้ อย่าลืมหันกลับมาบอกรัก ยิ้ม และชื่นชมตัวเองกันเยอะๆ ด้วยนะคะ เพื่อย้ำเตือนอยู่เสมอว่า....

" เราน่ะ เก่งที่สุดเล้ยยยยยยยย "

ขอขอบคุณรูปภาพจาก www.canva.com/

สวัสดี

เนิร์ดแว่น

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์