3 เคล็ดลับมีเวลามากขึ้น

สวัสดีครับเพื่อน ๆ วันนี้ผมได้รวบรวมเคล็ดลับการบริหารเวลา ฉบับนำไปใช้ได้จริงไม่อิงทฤษฎี ซึ่งผมได้นำมาทดลองปฏิบัติกับตัวเองแล้ว ปรากฏว่า ผมรู้สึกว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้หลาย ๆ อย่างภายในเวลาเท่าเดิม

เดิมที 1 วันที่เรารู้สึกว่ามี 24 ชั่วโมง บางคนนั้นอาจรู้สึกว่าเวลามีไม่พอ แต่บางคนกลับรู้สึกว่ามีเวลาเหลือเฟือเหลือเกิน อะไรที่ทำให้คนทั้งสองประเภทนี้รู้สึกแตกต่างกัน ทั้ง ๆ ที่เวลาทั้งคู่ก็มี 24 ชั่วโมงเท่ากัน  คำตอบก็คือ คนนั้นรู้ว่าจะต้องใช้เวลาอย่างไรให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดในสิ่งที่ตนทำ เนื่องจากเวลาเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุดในโลก หากผมถามคุณว่าผมมีเงินให้คุณ 10 ล้านบาท แล้วคุณจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกแค่ 1 ปีเท่านั้นเป็นใคร  ใครก็คงจะไม่ยอมใช่ไหมครับ  นั่นก็เพราะว่าเวลาเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุดนั่นเองครับ  ต่อให้เอาอะไรมาแลกเราก็ไม่ยอมทั้งนั้น

บุคคลชั้นนำระดับโลกก็ได้ใช้เทคนิคนี้ในการบริหารเวลาเหมือนกัน  พวกเขาเลือกว่าจะให้ความสำคัญกับสิ่งไหนเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเขา  เช่น  พวกเขาเลือกที่จะมอบหมายหน้าที่ตอบอีเมล์ให้กับพนักงาน หรือ เลขา ของเขาแทนที่เขาจะเป็นคนตอบเอง เพราะ งานตอบอีเมล์ไม่ได้มีความสัมคัญกับบริษัทเขาขนาดนั้น เขาแบ่งเวลาให้ครอบครัวของเขาอย่างดี เขาจะต้องกลับไปกินอาหารมื้อเย็นกับครอบครัวของเขาทุกวัน  นั่นก็เพราะครอบครัวถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขา  เขาจะต้องตื่นเช้ากว่าทุกคนเพื่อออกไปวิ่งจ๊อกกิ้งทุกวันเพราะ สุขภาพถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขา  แต่เขาจะไม่รับโทรศัพท์ทุกสายที่โทรมา เขาจะให้หน้าที่แก่เลขาของเขาเป็นผู้จัดการโอนสายที่สำคัญให้เขาคุยเอง เพราะงานคุยโทรศัพท์กับทุกสายนั้นไม่ได้มีความสำคัญกับชีวิตเขาขนาดนั้น

ภาพจาก https://unsplash.com/photos/Ae2VSuCqK7Y

2. ใช้เวลาตอนเช้าให้เกิดประโยชน์สูงสุด เวลาตอนเช้าของเรานั้นสำคัญมาก เพราะเป็นเวลาที่เราเพิ่งตื่นนอนใหม่ ๆ สมองเราจะปลอดโปร่งมากเนื่องจากเวลาที่เรานอนไปสมองเราจะจัดแบ่งประเภทความทรงจำ หรือ สิ่งที่เรารับรู้ต่าง ๆ มาตลอดทั้งวัน รวมถึงการถ่ายโอนความทรงจำระยะสั้นสู่ความทรงจำระยะยาว เมื่อถึงเวลาตอนเช้าจะเป็นเวลาที่สมองเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาได้อย่างง่ายดายมากที่สุด  เวลาในตอนเช้านี้เหมาะสมมากที่เราจะทำอะไรหลาย ๆ อย่าง ที่สำคัญแก่ชีวิตเรา

ก่อนอื่นผมอยากจะแนะนำให้คนได้รู้จักกฎ 80/20 กันก่อนนะครับกฎ 80/20 ที่ว่านี้ก็คือ เมื่อเราทำสิ่งใดที่เป็นสิ่งสำคัญโดยใช้เวลาในชีวิตของเราแค่ 20% เท่านั้นมันจะส่งผลต่อชีวิตของเราทั้งหมด 80% แต่ถ้าหากเราทำสิ่งใดที่เป็นสิ่งไม่สำคัญโดยใช้เวลาในชีวิตของเราทั้งหมด 80 %มันจะส่งผลต่อชีวิตเราแค่ 20% หลายคนฟังแล้วอาจจะงงใช่ไหมครับ

ยกตัวอย่างนะครับ สมมุติผมอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ(สิ่งสำคัญ)ผมใช้เวลาอ่านแค่ 20% แต่คะแนนสอบกลางภาคของผมส่งผลต่อชีวิตของผมถึง 80% เพื่อที่ผมจะนำไปยื่นใช้สอบเข้ามหาลัย แต่ว่าถ้าผมดูการ์ตูน(ไม่สำคัญ) โดยใช้เวลาดูการ์ตูน 80% มันจะส่งผลต่อชีวิตผมแค่ 20 %เท่านั้น

แล้วเจ้ากฎ 80/20 ที่ว่านี้แหละครับ  ที่เหมาะจะนำมาใช้ในตอนเช้ามากที่สุด เพราะว่าตอนเช้าเป็นช่วงเวลาที่สมองเปิดรับมากที่สุดเมื่อคุณเลือกทำสิ่งใดที่สำคัญในระยะเวลาอันสั้น มันจะส่งผลต่อชีวิตของคุณตลอดทั้งวันนั้น

ตอนเช้าผมแนะนำให้เด็กนักเรียนหลาย ๆ คนทบทวนตำรา บทเรียนในตอนเช้าเพราะว่าถ้าคุณใช้เวลาอ่านแค่ 20 %ในตอนเช้ามันจะส่งผล 80% ต่อชีวิตของคุณในทั้งวันที่คุณจะไปเรียนหนังสือนี้

การออกกำลังกายก็เช่นกันครับ ผมแนะนำอย่างยิ่งให้ออกกำลังกายในตอนเช้า(ถ้าคุณสะดวก)เพราะว่า ถ้าคุณใช้เวลาแค่ 20% ของทั้งวันไปกับการออกกำลังกายในตอนเช้ามันจะส่งผลต่อชีวิตคุณ 80% ในการใช้ศักยภาพทางร่างกายของคุณในการทำงานต่าง ๆ ให้เรียบง่ายตลอดทั้งวันนี้

ภาพจาก https://unsplash.com/photos/ocwmWiNAWGs

3. การจัดตารางเวลา การจัดตารางเวลานี้ค่อนข้างทำได้ยากสำหรับผู้ที่มีอาชีพไม่แน่นอนในเรื่องเวลางาน เช่น หมอ พยาบาล ตำรวจ พนักงานกู้ภัย  แต่ถ้าคุณทำอาชีพที่มีความแน่นอนในเรื่องเวลางาน เช่น พนักงานบริษัทที่ต้องเข้าออฟฟิศตรงเวลา และ เลิกงานตรงเวลา ผมแนะนำอย่างยิ่งให้คุณต้องจัดตารางเวลาในชีวิตของคุณเอง การจัดตารางเวลานั้นสำคัญอย่างยิ่ง เพราะ มันไม่ได้แค่ทำให้คุณรู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไป แต่มันยังช่วยให้คุณไม่ทำอะไรเกินเลยนอกเหนือจากสิ่งที่คุณวางแผนไว้ และ ยังช่วยให้คุณทำทุกสิ่งอยู่ภายใต้กรอบของเวลาของมัน แม้มันอาจจะดูกดดันไปบ้างแต่ว่า มันจะใช้ได้ผลเลยทีเดียวสำหรับผู้ที่มีเวลาในชีวิตประจำวันอันน้อยนิด

การจัดตารางเวลานั้นคุณจะต้องรู้ว่าสิ่งใดที่คุณต้องการมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น คุณเลิกงาน 5 โมงเย็น ถ้าเพื่อน ๆ ชวนคุณไปกินมื้อเย็นที่ห้างสรรพสินค้าต่อ ถ้าคุณยังเป็นคุณคนเดิม ที่ยังไม่ได้จัดตารางเวลาคุณอาจจะตอบตกลงได้โดยง่าย  แต่ถ้า หากเป็นคุณคนใหม่ที่เริ่มจัดตารางเวลาเป็นของตัวเองแล้ว คุณจะรู้ว่าสิ่งสำคัญสำหรับคุณคือ หลังจากเลิกงานแล้วคุณต้องไปที่ฟิตเนสเพื่อไปออกกำลังกาย ซึ่งสำหรับคุณแล้ว ถือเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าการกินอาหารมื้อเย็นกับเพื่อนร่วมงานที่ห้างสรรพสินค้า การที่คุณมีตารางนี้ไม่ได้ช่วยเพียงให้คุณทำตามทุกอย่างได้ตามแผนที่วางไว้ แต่ยังช่วยเปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ช่วยให้คุณมีวินัยในตัวเองมากขึ้น เมื่อคุณทำตามไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว คุณจะไม่จำเป็นต้องใช้ตารางนี้อีกต่อไป เพราะว่า คุณจะเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ พฤติกรรมของคุณจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ คุณจะทำทุกอย่างเพราะคุณรู้ว่าคุณไม่ได้โดนบังคับให้คุณทำแต่ คุณจะทำเพราะคุณรู้ว่ามันดีต่อชีวิตคุณเอง แล้วคุณจะทำมันตามเวลาที่คุณเลือกได้ไม่ใช่ตามกรอบเวลาเหมือนเดิม

ภาพจาก https://unsplash.com/photos/nPy0X4xew60

สุดท้ายอยากให้ทุกคนนำเคล็ดลับนี้ไปใช้ดูนะครับ อย่างที่บอกไปแล้วว่าผมได้ลองนำไปลองทำแล้ว ผมมีเวลามากขึ้นจากเดิมจริง ๆ หวังว่าทุกคนจะนำไปปรับใช้นะครับ^^

เวลาคือทรัพย์สินที่มีค่าที่สุด