ไลฟ์แฮ็ก

3 วิธี ก้าวออกจาก Comfort zone

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
3 วิธี ก้าวออกจาก Comfort zone

1.หางานอดิเรกทำ

กีตาร์ภาพจากhttps://unsplash.com/photos/hUHzaiAHuUc

หลายคนคงมีสิ่งที่ทำเป็นประจำในเวลาว่าง ซึ่งเราเรียกมันว่า งานอดิเรก แต่จะมีสักกี่คนที่เปลี่ยนงานอดิเรกของตัวเองที่สุดแสนธรรมดา ให้กลายเป็นโอกาสดี ๆ ที่เข้ามาในชีวิต ได้ลองทำสิ่งใหม่ ๆ ไปพบปะผู้คนกลุ่มใหม่ แลกเปลี่ยนความรู้ และ ประสบการณ์ ทำความรู้จัก และ สนิทสนมกันมากขึ้น ทั้งหมดนี้ก็เพื่อ การก้าวออกจากพื้นที่ปลอดภัย (Comfort Zone) ของตัวคุณเอง

ผมรู้จักหลายคนที่ชอบเล่นกีตาร์ แต่เขาก็เล่นของเขาอยู่คนเดียวที่บ้าน มีความสุขในแบบของเขา ซึ่งผมก็ไม่ได้บอกว่ามันคือเรื่องผิดอะไร แต่ทำไมคุณไม่ลองแบกกีตาร์ไปเล่นดนตรีเปิดหมวกดูบ้างล่ะ ทำไมไม่ลองอัดคลิปถ่ายลงยูทูปดูบ้างล่ะ  ทำไมคุณไม่ลองเอาไปเล่นกับเพื่อน ๆ หลังเลิกงานดูบ้างล่ะ  ลองฟอร์มวงดนตรีขึ้นมาสักวงสิ ถัดไปก็ฝึกซ้อมด้วยกัน และก็ขึ้นแสดงบนเวที   แบบนี้จะดีกว่าไหมถ้าสิ่งที่คุณทำมอบความสุขให้คนอื่นได้ด้วย เมื่อเทียบกับการที่คุณเล่นอยู่ที่บ้านคนเดียว นั่งเหงา ๆ อยู่ในห้อง  มีความสุขกับกีตาร์ของคุณ แค่คุณเพียงคนเดียว

Advertisement

Advertisement

2.ออกเดินทางท่องเที่ยว

ดำน้ำภาพจาก https://unsplash.com/photos/KgWufDEcKGg

คุณอาจลองไปเปิดโลกใหม่ด้วยการไปยังสถานที่ ที่คุณไม่เคยไป หรือ ออกไปทำอะไรที่คุณไม่เคยทำมาก่อน  คุณอาจจะเคยเห็นมันผ่าน ๆ ในอินเทอร์เน็ต และก็คิดเอาเองว่า เออ! มันสวยดีนะน้ำตกแห่งนี้  เออ! ลองแก่งก็น่าสนุกเหมือนกันนะ  แต่แล้วยังไงล่ะครับ ถ้าคุณเอาแต่คิดมันก็เป็นได้แค่ความคิดในหัว คุณก็ยังคงอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย (Comfort Zone) ของคุณอยู่  ทำไมไม่ลองออกไปทำให้มันเป็นจริงเลยล่ะครับ  คุณอาจจะใช้เวลาวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ ลองออกทริปไปดำน้ำ ในทะเลที่ไหนสักแห่ง ซึมซับบรรยากาศของ ทะเล ฟองคลื่น เสียงลมพัด และ ชายหาด ซึ่งผมฟันธงเลยว่า นอกจากจะเป็นการเปิดโลกใหม่ของคุณแล้ว ความรู้สึกมันจะต้องดีกว่าการที่คุณนั่งดูภาพเหล่านี้ผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมของคุณแน่นอนครับ

Advertisement

Advertisement

3.ตั้ง Mission ให้ตัวเองทำ

missionภาพจาก https://unsplash.com/photos/GTnFf_44e7o

เป็นธรรมชาติพื้นฐานของมนุษย์ครับ ที่เราจะทำแต่สิ่งที่เราคุ้นเคย เป็นกิจวัตร ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ไม่มีความท้าทาย ไม่แปลกใหม่ ไม่น่าค้นหา ทั้งหมดนั้นก็เพื่อการอยู่รอดของเรา และ เพื่อประหยัดพลังงานของเราให้มากที่สุด ซึ่งเป็นผลพวงทางวิวัฒนาการของเราตั้งแต่อดีต แต่ก็เพราะเหตุนี้นี่เอง ที่ทำให้มนุษย์ดำรงเผ่าพันธุ์มาถึงยุคปัจจุบันได้

ในอดีตมนุษย์เก็บเห็ดสีชมพูกิน แล้วปรากฏว่ามันมีพิษ ทำให้เราตาย แต่พอเก็บเห็ดสีน้ำตาลกิน แล้วมันไม่มีพิษเราจึงอยู่รอด จากนั้นเราจึงไม่กิน เห็นสีแดง สีเขียว สีม่วง สีฟ้า อีกเลย เราเลือกกินแค่สีน้ำตาลที่มันปลอดภัย และ ทำให้เราอยู่รอดได้เท่านั้น  ใครจะไปรู้ว่า เห็ดสีแดงอาจจะอร่อยกว่าก็ได้ เห็ดสีเขียวอาจจะมีโปรตีนมากกว่า เห็ดสีม่วงอาจจะหาเจอได้มากกว่า นี่แหละครับ “ค่าเสียโอกาส” ของการไม่ลองสิ่งใหม่ น่าเสียดายที่เรื่องแบบนี้ไม่ใช่แค่อดีต แม้แต่ในปัจจุบันเราก็ยังเป็นเช่นนี้เหมือนกัน

Advertisement

Advertisement

เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ทำไมไม่ลอง ท้าทายตัวเองดูด้วยการ ตั้ง Mission ให้ตัวเองดูเลยล่ะครับ  เปรียบเสมือนการบังคับตัวเองให้ทำในสิ่งที่ไม่กล้าทำ เผชิญสิ่งใหม่ที่ไม่เคยพบเจอ ซึ่งคุณจะทำ หรือ ไม่ทำก็ขึ้นอยู่กับคุณเอง เพราะคุณจะพอใจกับสิ่งเดิมที่มี หรือ เจอสิ่งใหม่ที่ดีกว่า  นั่นก็คือ “ค่าเสียโอกาส” ของคุณเอง ^^

It is impossible to live without failing at something unless you live so cautiously.

That you might as will not have live at all. In which case you fail by default.

มันเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะใช้ชีวิตโดยไม่ล้มเหลวอะไรเลย เว้นแต่คุณจะใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมาก

จนเหมือนคุณไม่ได้ใช้ชีวิต ซึ่งนั่นทำให้คุณล้มเหลวโดยปริยาย

-J.K. rowling-

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์