“บึงบอระเพ็ด” เป็นแหล่งกักเก็บน้ำจืดตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ปัจจุบันมีเนื้อที่ 132,737 ไร่ หรือ 212.36 ตารางกิโลเมตร อยู่ในเขตอำเภอเมืองต่อเนื่องกับอำเภอชุมแสงและอำเภอท่าตะโก ห่างจากตัวเมืองนครสวรรค์ไม่มากนัก ใหญ่กว่าอันดับที่ 2 คือ ทะเลสาบหนองหาน ที่จังหวัดสกลนครถึง 1 เท่าตัว และใหญ่กว่าแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอื่น ๆ เช่น ทะเลบัวแดง ในจังหวัดอุดรธานี ถึง 6 เท่าและกว๊านพะเยา ถึง 10 เท่า กว้างใหญ่ขนาดนี้ คงต้องร้องว่า “มันใหญ่มาก” เพราะมองจากอีกฝั่งหนึ่งไปฝั่งหนึ่งแทบไม่เห็นขอบบึงเลย นอกเส้นขอบฟ้าตัดกับผืนน้ำใสและดงใบบัวหลวงหนาตาเกือบทั่วทั้งบึง นี่ขนาดมาหน้าแล้งนะครับ ถ้าเป็นหน้าฝนจะขนาดไหน การมาได้พิชิตอะไรที่เป็นอันดับหนึ่งหรือเป็นที่สุดของที่สุดนั้น เป็นความใฝ่ฝันอย่างหนึ่งของคนทั่วไปนะผมว่า ในเมื่อบึงบอระเพ็ดเป็นที่สุดของแอ่งน้ำตามธรรมชาติขนาดใหญ่ ก็ต้องไปดูหล่ะครับว่า มีอะไรน่าสนใจให้ได้เรียนรู้และท่องเที่ยวบ้าง หลังจากได้ที่จอดรถใกล้อาคารแสดงพันธ์สัตว์น้ำบึงบอระเพ็ด เราก็เดินไปที่แพท่าน้ำอบจ.ริมบึง ระหว่างเดินไปเพื่อนชี้ให้รูปปั้นนกตัวหนึ่ง “นั่นไง นกเฉพาะถิ่น ที่เจอเฉพาะบริเวณบึงบอระเพ็ดเท่านั้น ตอนนี้เหลืออยู่ตัวเดียว คือตัวนี้แหละ” ผมสะอึกไปหน่อยหนึ่ง ก่อนจะเก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ เรือที่จะพาไปชมบึงบอระเพ็ดครั้งนี้ เป็นเรือทองแบน ตัวเรือทำจากเหล็กหลังคาทรงแบบ ด้านในวางเก้าอี้นั่งได้ราว 10 คน จุดที่จะไปประกอบด้วยเกาะตาเยี่ยม เกาะวัด เกาะดร.สมิธ เกาะทะเลบัวซึ่งอยู่ไกลสุด แล้วกลับมาเกาะคุ้งตำข้าว ท่าเรือประมงเป็นจุดสุดท้าย ใช้เวลาทั้งหมดราว 2 ชั่วโมง เมื่อพร้อมแล้ว เรือจึงค่อย ๆ แหวกจอกหูหนู แหนแดง แพงพวยน้ำที่ลอยอยู่เต็มท่าน้ำ มุ่งสู่ผืนน้ำเบื้องไปเรื่อย ๆ ด้วยความเร็วที่เราสามารถจะเอาเท้าเล่นได้น้ำได้และต้องรีบเอาเท้าขึ้นเมื่อนึกว่า แต่ก่อนมีจระเข้ชุกชุมถึงขนาดที่ว่าคนนั่งรถไฟผ่านข้างบึงบอระเพ็ด มองเห็นจระเข้นอนผึ่งแดดริมบึง บนเกาะและลอยตัวในบึงเป็นกลุ่ม ๆ ผมเริ่มสังเกตเห็นว่า เรือวิ่งไปตามร่องน้ำที่ดูลึกเป็นพิเศษจากการขุดแต่งปรับปรุงครั้งใหญ่รวม 4 ครั้ง ทำให้ระดับความลึกของบึงไม่เท่ากัน โดยมีบริเวณที่ลึกที่สุดคือ 5 เมตร มีพืชตระกูลสาหร่าย เช่น สาหร่ายฉัตร สาหร่ายหางกระรอกและดีปลีน้ำขึ้นอยู่โดยรอบ จากนั้นไม่นาน เรือเริ่มเข้าใกล้เกาะเล็ก ๆ ซึ่งมีอยู่ราว 10 เกาะ ที่น่าใจมากคือเกาะที่ว่านั้น บางเกาะไม่ใช่เกาะที่เกิดจากดินแต่เกิดจากการทับถมรวมตัวของพืชลอยน้ำและพืชยืนน้ำ เช่น ธูปฤาษี กกสามเหลี่ยมเล็ก เทียนนา รวมถึงต้นอ้อและหญ้าน้ำชนิดต่าง ๆ เช่น หญ้าขน หญ้าปล้อง หญ้าแขมทำให้เวลาหน้าน้ำหลาก เกาะเหล่านี้ก็จะลอยตัวไปตามกระแสน้ำ เมื่อน้ำลดก็จะลอยกลับไปด้านเดิม บางเกาะก็กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำวัยอ่อน เช่น ปลาเค้า ปลาช่อน ปลาแดง รวมทั้งปลาสวยงามอีกหลายชนิด แต่น่าเสียดายที่ปลาเสือตอซึ่งเป็นปลาที่มีชื่อเสียงที่สุดของบึงบอระเพ็ดได้สูญพันธุ์ไปแล้ว แต่ยังมีให้ดูที่อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงบอระเพ็ดแทน นอกจากนี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยหากินสร้างรังวางไข่ของนกนานาชนิดนับหมื่นนับแสนตัวกว่า 150 ชนิด ทั้งนกประจำถิ่น เช่น นกนางแอ่นบ้าน นกเด้าลม นกอีแจวและนกเป็ดน้ำ ซึ่งเป็นนกอพยพย้ายถิ่นจำนวนมากที่สุดในบึง เช่น เป็ดปากสั้น เป็ดดำหัวสีน้ำตาลและเป็ดผีที่มีพฤติกรรมคาดเดาไม่ได้ เพราะบางทีมันก็วิ่งอยู่บนกอสนุ่น ว่ายน้ำผ่านไปข้าง ๆ บ้าง มุดน้ำแล้วก็ไปโผล่ในจุดที่ไม่ได้บ้าง หากใครไปเที่ยวช่องหน้าหนาวก็จะได้พบนกคู้ท นกกระสาแดงอีกด้วย เรือแหวกดงบัวหลวงใบใหญ่กลุ่มหนึ่งไปจอดใกล้ ๆ เกาะวัด ให้เราชมนกปากห่างที่กำลังทำรังอยู่บนเกาะ และนกอีแจวขนหางยาวสวยงามจนถูกเรียกว่าเป็นราชินีแห่งนกน้ำกำลังเดินกินอยู่บนกอสนุ่นคล้าย ๆ พรมสีเขียวสดขนาดใหญ่ลอยอยู่บนน้ำ จากนั้นเรือเร่งความเร็วขึ้นมุ่งตรงไปที่ทะเลทุ่งบัว ซึ่งมีทั้งบัวหลวงและบัวสายสุดลูกตา ที่จุดนี้เราได้ดูนกคล้าย ๆ นกนางนวลบินร่อนเล่นน้ำกลุ่มใหญ่สวยงาม เป็นภาพประทับใจสุดท้ายที่ได้มาล่องเรือชมนกครั้งนี้ ก่อนเรือจะกลับไปยังจุดเดิมจุดที่เพื่อนชี้บอกผมว่า ตอนนี้เหลือนกอยู่ตัวเดียวคือตัวนี้แหละ นั่นคือ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร นกที่สูญพันธุ์ไปแล้วอย่างน่าเสียดาย ทั้งนี้เพราะฝีมือมนุษย์ส่วนหนึ่งที่นิยมการล่าสัตว์และรุกล้ำทำลายพื้นที่ชุ่มน้ำรอบบึง จนบึงน้ำแห้งขอดตื้นเขิน ปกคลุมด้วยหญ้า ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าบึงบอระเพ็ด ยังคงเป็นบึงธรรมชาติใหญ่ที่สุดในประเทศอยู่หรือเปล่า หรือยกตำแหน่งให้กับทะเลสาบหนองหาน ที่จังหวัดสกลนครไปแล้ว พิกัดที่ตั้ง : ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบึงบอระเพ็ด โทร. : 056 274525 วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 06.00-17.00 น. (ขึ้นอยู่กับช่วงเทศกาล) ค่าบริการเรือไปไปชมบึงบอระเพ็ด : เรือลำเล็กจุได้ 5 คน ไม่รวมคนขับ ราคา 400 บาท เรือลำใหญ่จุได้ 10 คน ราคา 500 บาท ภาพประกอบทั้งหมดถ่ายโดยผู้เขียน : อนุญาตให้ใช้เพื่อการศึกษาได้ฟรี