ทันทีที่ผู้เขียนลงจากรถส่วนตัวเพื่อลงมาเยี่ยมชม แหม่ พูดตรง ๆ ก็คือมาเที่ยวผ่อนคลายอารมณ์ในวันหยุดนั่นล่ะครับ สายตามองทะลุป้ายเข้าบ้านสถานที่ที่เป็นเป้าหมายทำให้นึกในใจว่า โอ้วแม่จ้าว นี่มันสวรรค์ชัด ๆ แต่ช้าก่อนครับ คุณต้องเสียค่าบริการตั้งสิบบาทเชียวนะ หากตัดสินใจที่จะเข้าบ้านคนอื่น ที่นี่ นาบัวลุงแจ่ม!! คุณป้าประไพ สวัสดิ์โต เจ้าของบ้านเล่าให้ฟังถึงประวัติศาสตร์ที่คุณตาแจ่ม บุกเบิกที่พระราชทานเป็นความเมตตาให้ส่วนทรัพย์สินแห่งนี้มาเพื่อประกอบอาชีพทำมาหากินของพี่น้องริมคลองมหาสวัสดิ์จากนั้นก็ส่งต่อสู่รุ่นลูกรุ่นหลานเรื่อยมา “นาบัว” ในอดีตจนปัจจุบันทำรายได้เลี้ยงครอบครัวจนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลสวัสดิ์โต และคนมหาสวัสดิ์ไปแล้ว มหาวิทยาลัยมหิดล โดยคณะศิลปศาสตร์ ศูนย์สยามทรรศนะศึกษาได้มาศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์และทำองค์ความรู้ไว้ให้ศึกษาอย่างลึกซึ้งเลยครับ ผู้เขียนขอนำป้ายมาแปะไว้ให้อ่านเองนะ ผู้เขียนจะเล่าอารมณ์และบรรยากาศหลักล้านให้ฟังเป็นข้อ ๆ ดังต่อไปนี้ ข้อหนึ่ง ได้สัมผัสธรรมชาติโดยเฉพาะลมช่วงเช้า ๆ สาย ๆ กระทบกายและทำให้ใจได้พักผ่อนความตรึงเครียดหายไปเมื่อสูดหายใจกลางทุ่งดอกบัวลึก ๆ แล้วหลับตาพริ้ม ๆ ข้อสอง สัมผัสวิถีการเก็บบัว การจับจีบบัว ระบบการตลาด และคุณค่าทางวัฒนธรรมที่คนพุทธมณฑล ปลูกบัวมิใช่เพื่อหวังการทำมาหากิน แต่เพื่อหล่อเลี้ยงความเป็นพุทธะในใจคนปลูก เพื่อนำไปสู่การสักการะบูชาองค์พระพุทธปฏิมาและคาราวะธรรมในหลายโอกาส ข้อสาม ได้สัมผัสวิถีเกษตรแบบผสมผสานที่ชุมชนสามารถสร้างบ้าน สร้างอาชีพเพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้รักษาคงไว้ซึ่งสิ่งสวยงามทางธรรมชติให้ลูกหลานเราได้สัมผัสตามอย่างที่เราได้พบเจอ สุดท้ายแถมให้ เราพบเห็นความหลากหลายของความหมายแห่งบัวแต่ละสี แต่ละสายพันธุ์ ที่อยู่ร่วมกันอย่างสมบูรณ์ในระบบนิเวศที่ลงตัว สามารถเอาแนวคิดไปต่อยอดทำที่บ้านตัวเองของชาวสายเขียว ผู้หลงรักธรรมชาติได้ด้วยนะ มา ๆ ครับมา นาบัวลุงแจ่ม สถานที่ แจ่ม ๆ ที่แนะนำว่าแจ่ม ใครไม่เคยมาจะรู้ได้ยังไงว่า นาบัวลุงแจ่มเป็นสถานที่ที่จ๊าบจริง ๆ