ศิลปะ ความอิสระ การฟังเสียงเพลง และการละเล่น นับว่าเป็นองค์ประกอบที่เสริมหนุนให้จินตนาการของเด็ก ๆ ล่องลอยไปกับเยื่อใยของพัฒนาการที่สร้างสรรค์ความเชื่อที่ว่า เด็กคือผู้บริสุทธิ์ เหมือนกับผ้าขาว ยังคงใช้ได้เสมอในพื้นที่ที่ให้อิสระต่อพวกเขาได้เติมเต็มและตกแต่งผืนผ้านั้นด้วยตนเอง และยอมรับด้วยตนเองว่า คือส่วนหนึ่งของที่จะรู้จักรับผิดชอบในสิ่งที่ทำพื้นที่สาธารณะที่จะออกแบบให้กิจกรรมที่เรียกว่า พื้นที่สร้างสรรค์ในปัจจุบันนั้น ผมคิดว่า ค่อนข้างหาได้ยากมาก ๆ ขณะเดียวกันก็เกิดขึ้นไม่ง่ายหากไม่ใช้หัวใจอาสามารวมหัวกันแล้วไหลบ่าออกมาเป็นสายธารเพื่อเด็ก ๆ ควันหลงของห้วงวันพ่อที่ผ่านมาหรือวันที่ 5 ธันวาคมของปีนี้ ผมและพี่ ๆ ศิลปินรวมถึงเจ้าของร้านอาหารใจดี นึกอยากจะจัดกิจกรรมหนึ่งขึ้นมาจากทรัพยากรที่มีอยู่สำหรับเด็ก ๆ ทรัพยากรที่ว่านั้น คือ มีผู้ใหญ่ใจดี ที่เชี่ยวชาญด้านดนตรีกับการออกแบบกิจกรรมให้เด็กสนุกสนานกับการใช้จินตนาการของตัวเองเพื่อปฏิสัมพันธ์และถ่ายทอดออกมาอย่างเสรีพวกเราใช้เวลาก่อนวันเริ่มงาน แบบคิดปุ๊บทำปั๊บ โดยมีพี่น้องใจดีสนับสนุน ได้แก่ กลุ่มจิตอาสาละอองฝุ่นประกายฝัน อาจารย์ศิลปิน สองวัยโบยบินจินตนาการ ได้แก่ อาจารย์นาวิน อินทศร และคุณลุงชิต รวมถึงผู้ให้พื้นที่ ป้าอัช แห่งร้านอาหารอู่ข้าวอู่ปลา การออกแบบกิจกรรมของเราที่มีทุนอุปกรณ์ร่วมจัดทั้งสี กระดาษวาดเขียน ขนม จำนวนไม่น้อยที่ส่งต่อ ๆ กันมาทำให้วันที่ 5 หน้าร้านอาหารวันนี้ ไม่ใช่ร้านขายอาหารแต่เป็นลานของเสียงดนตรีที่ขับกล่อมบทเพลงเเห่งธรรมชาติจากวัยสู่วัยเรามีกิจกรรมกัน 2 กิจกรรมหลัก ๆ ทำแบบรวดเดียวจบในช่วงครึ่งเช้าของวันได้แก่ กิจกรรมดนตรี จินตนาการสร้างฝัน และปั้นดิน ซึ่งเด็ก ๆ และครอบครัวนั้น มาจากชุมชนรอบ ๆ เขตพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นผู้ใช้แรงงานรวมถึงผู้ทำงานทั่ว ๆ ไปผมสัมผัสถึงจินตนาการของเด็ก ๆ ที่เจือไปด้วยความสุข ความเบิกบาน คุณลุงหนอน สอนเด็ก ๆ ให้คลึงดินเหนียวที่มาจากธรรมชาติ ปั้นขึ้นรูปต่าง ๆ ตามแต่เด็ก ๆ จะสนใจ ผู้ปกครองท่านหนึ่งบอกว่า ไม่เคยทำกิจกรรมสัมผัสดิน หรือให้ลูกเลอะโคลนขนาดนี้มาก่อน ทั้ง ๆ ที่ลูกเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาแล้ว นับเป็นครั้งแรกของการปั้นดินด้วยกัน สิ่งที่อยากบอกกล่าวและบอกเล่า เกี่ยวกับลานกวีศิลป์ จินตนาการวันนี้ ไม่ต่างอะไรกับการหวนคิดถึงวันที่ผ่านมาสมัยที่เราเป็นเด็กน้อย ที่เล่นอะไรไปตามความรู้สึก มีความสนุกนำพา แต่ทว่าในระยะหลังนี้ เด็ก ๆ อยู่ในพื้นที่ที่รายล้อมไปด้วยเทคโนโลยีและมีข้อมูลข่าวสารให้เข้าถึง สามารถที่จะเป็นคนเก่งขึ้นมาได้ทันที แต่ทั้งนี้ เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า เขาเติบโตอย่างก้าวกระโดดที่ฝืนความเป็นธรรมชาติของเด็กหรือไม่ ข้อสังเกตดังกล่าว เป็นการตั้งคำถามในฐานะที่ผมก็เป็นผู้ปกครองสมัครเล่นที่เพิ่งเริ่มกับการทำหน้าที่การดูแลลูก และสัมผัสได้ถึงความห่างเหินในกิจกรรมที่ทำร่วมกัน ที่แทบจะไม่ต้องลงทุนอะไรมากไปกว่า การมีเวลามาพบกันแล้วทำกิจกรรมน้อย ๆ เช่นวันนี้ของขวัญของการขะมักเขม้นในการสร้างฝันจินตนาการผ่านการวาดรูปและการปั้นดินในวันนั้น ซึ่งสอดรับกับที่องค์กรสหประชาชาติประกาศว่าเป็นวันดินโลก ผมคิดว่า ทำให้เราย้อนนึกถึงคุณูปการของผืนดินที่เราเหยียบย่ำทำกินมาตราบเท่าเวลาที่ผ่านมาแสนนานนักนอกจากนี้ กิจกรรมวาดรักร่วมกันระหว่างพ่อลูกก็คงมีความหมายที่เชื่อมโยงสัมพันธภาพระหว่างยูนิตที่เล็กที่สุดของสังคมคือครอบครัว ในความรู้สึกนึกคิดของผู้จัดกิจกรรมนั้น มีความรู้สึกอิ่มสุขที่ซ่อนมากับการเฝ้าสังเกต และฟังเสียงดนตรีที่คละคลุ้งไปกับธรรมชาติที่มีร่มไม้ แดดส่องพอเห็นลำแสง ชวนนึกย้อนวัยไปถึงเจ้าเด็กน้อยในตัวเราอีกคน ซึ่งก็คือตัวตนของเรานั่นเอง นานเท่าไรมาแล้ว ที่จินตนาการของเราแห้งเฉา ไม่เริงร่าแบบเด็ก ๆ วันนี้จึงเป็นวันหนึ่งที่มีความสุขที่ล้นออกมา และก็ดูออกแหละว่า กิจกรรมเช่นนี้เป็นสิ่งที่หลายคนถวิลหาเช่นกันครั้งหน้า มีกิจกรรมดี ๆ จะมาแบ่งปันเล่าสู่กันฟังใหม่ ดูคลิปวีดีโอครั้งนี้ไปพราง ๆ ก่อนนะครับ คลิกเลยขอบคุณทุก ๆ ท่านที่ร่วมสนับสนุนกิจกรรม นะครับภาพเล่าเรื่องทั้งหมดโดย ชาตรี ลุนดำเล่าเรื่องโดย ชาตรี ลุนดำ