หากใครอยากเดินทางไปเที่ยวผ่อนคลายสบาย ๆ แบบประหยัดและไม่ต้องเหนื่อยขับรถไปเอง ผู้เขียนอยากเสนอการเดินทางแบบชิล ๆ ด้วยรถไฟ ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก แต่รับรองว่าการเดินทางด้วยรถไฟนั้นจะทำให้เพื่อน ๆ ประทับใจเมื่อได้สัมผัสบรรยากาศที่ใกล้ชิดกับท้องถิ่น อันมีมนต์เสน่ห์ชวนให้หลงใหล จนทำให้ลืมเรื่องราววุ่นวายสับสนต่าง ๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ นั่นก็คือการเดินทางไปเที่ยวน้ำตกไทรโยคน้อยที่จังหวัดกาญจนบุรี โดยรถไฟนั่นเอง ภาพถ่ายโดยผู้เขียนถ่ายเอง ผู้เขียนซื้อตั๋วจากสถานีรถไฟศาลายา ในเที่ยวรถ บ่ายสองโมงยี่สิบห้านาที รถไฟที่จะไปน้ำตกมีสองเที่ยวคือ เที่ยวแรกตอนเช้าแปดโมงยี่สิบนาทีและเที่ยวที่สองรอบบ่ายสองโมงยี่สิบห้านาที หลังจากที่สอบถามนายสถานีจึงรู้ว่ารถรอบบ่ายจะไปถึงที่น้ำตกเวลาประมาณหกโมงเย็นกว่าๆ ก็ตกลงซื้อตั๋วศาลายา-น้ำตก ราคาเพียงแค่ 35 บาทต่อท่านเท่านั้น นั่งรออยู่ที่สถานีสักพักเมื่อเวลารถไฟก็เข้าเทียบท่าชานชาลา ผู้เขียนไม่รอช้ารีบขึ้นไปจับจองที่นั่งทันที ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเพราะมีที่นั่งว่างมากพอที่ผู้เขียนสามารถจับจองนั่งได้อย่างสบาย เมื่อรถไฟออกจากสถานีผู้เขียนก็จินตนาถึงภาพน้ำตกที่กำลังจะไปถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ภาพถ่ายโดยผู้เขียนถ่ายเอง ระหว่างที่รถไฟแล่นไปเรื่อย ๆ หลังจากที่นายตรวจมาตรวจตั๋วเรียบร้อยแล้ว รถไฟแล่นมาได้สองสามสถานี ผู้เขียนก็ไม่พลาดที่จะซื้อน้ำโอเลี้ยงเย็น ๆ เพื่อดื่มให้ชื่นใจ ในราคาเพียงแค่ 10 บาทเท่านั้นเอง จากนั้นเริ่มหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายเก็บภาพความประทับใจไว้เป็นระยะ เมื่อถึงสถานีนครปฐมผู้เขียนเคยได้ยินมาว่า มีก๋วยเตี๋ยวแห้งลูกชิ้นปลาขึ้นชื่อของจังหวัดนครปฐมจะขึ้นมาขายที่สถานีนี้ ผู้เขียนจึงตั้งหน้าตั้งตารอให้พ่อค้าเดินผ่านมา และไม่พลาดที่จะซื้อก๋วยเตี๋ยวในราคาเพียงห่อละ 10 บาท จำนวน 2 ห่อ เมื่อได้ลิ้มรสแล้วก็ไม่ผิดหวังอร่อยสมคำร่ำลือ เมื่อถึงสถานีบ้านโป่งเป็นจุดที่รถไฟแยกออกจากเส้นทางสายใต้เพื่อเข้าสู่เมืองกาญจนบุรี หลังสถานีนี้ไป เริ่มมีต้นไม้และทุ่งหน้าเขียวขจีให้เห็นอยู่เป็นระยะ ช่างทำให้รู้สึกปลอดโปร่งดีเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อว่าการนั่งรถไฟจะทำให้ได้เห็นภาพบรรยากาศดี ๆ แบบนี้ ซึ่งทำให้ลืมเรื่องราวหนักอกหนักอกใจไปได้อย่างไม่รู้ตัว ภาพถ่ายโดยผู้เขียนถ่ายเอง เมื่อรถไฟแล่นไปจนถึงสถานีกาญจนบุรีก็ทำให้ผู้เขียนรู้ว่าใกล้ถึงที่หมายเข้ามาเต็มที รถไฟค่อย ๆ ชะลอแล่นข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแคว เพื่อให้ผู้โดยสารได้มีโอกาสเก็บภาพความประทับใจสวย ๆ ซึ่งผู้เขียนเองก็ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปเก็บไว้เช่นกัน เมื่อข้ามสะพานแม่น้ำแควมาแล้วก็เริ่มเป็นบรรยากาศของป่าเขา มีไร่สวนและป่าไม้สลับกันสองข้างทาง รถไฟแล่นจนถึงถ้ำกระแซซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นทางรถไฟสายมรณะ ในจุดนี้ก็ทำให้ผู้เขียนรู้สึกหวั่นใจอยู่เหมือนกัน เพราะอีกฝั่งของรางรถไฟเป็นเหวลึก ก็นับว่าน่าหวาดเสียวพอดู แต่วิวทิวทัศน์ของโค้งน้ำบริเวณนั้นเมื่อมองจากบนรถไฟที่แล่นอยู่มุมสูง ก็ทำให้เห็นความสวยงามของบริเวณนั้นได้อย่างชัดเจน และรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก เมื่อรถไฟแล่นผ่านถ้ำกระแซได้ไม่นาน ก็ถึงจุดหมายปลายทางคือสถานีน้ำตก ผู้เขียนรีบเคลื่อนย้ายสัมภาระโดดลงมาจากรถไฟด้วยความตื่นเต้น ซึ่งก็เป็นการสิ้นสุดการเดินทางโดยรถไฟแบบชิล ๆ ที่ผู้เขียนอยากนำมาถ่ายทอดเผื่อว่าเพื่อน ๆ ท่านใดสนใจอยากเดินทางโดยรถไฟ จะได้รู้ว่าไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด ภาพถ่ายโดยผู้เขียนถ่ายเอง การเดินทางโดยรถไฟนั้นมีเสน่ห์ไปอีกแบบ บางคนอาจจะคิดว่าเป็นการเดินทางที่ช้า และไม่สะดวก แต่สำหรับผู้เขียนแล้วการเดินทางโดยรถไฟก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ประหยัดและทำให้เราได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่าย ไม่เร่งรีบ บางช่วงที่รถไฟแล่นผ่านจุดที่มองเห็นธรรมชาติได้อย่างสวยงาม ซึ่งไม่สามารถเห็นได้จากการเดินทางแบบอื่น และหากมีโอกาสผู้เขียนจะนำเรื่องราวดี ๆ จากการเดินทางด้วยรถไฟ ให้ทุกท่านได้ติดตามต่อไป