แกงเทโพถือว่าเป็นแกงขวัญใจของใครหลายต่อหลายคน คุณชายโชคดีสุด ๆ ที่ได้เจาะลึกถึงสูตรการทำแบบโบราณ ๆ แบบนี้แถมไม่ยากเลยด้วยและอย่างที่ทราบแกงเทโพสมัยก่อนใช้ปลาเทโพเป็นวัตถุดิบเนื้อสัตว์นี่คือที่มาของชื่อแกง แต่สมัยนี้ถ้ารอปลาเทโพจริง ๆ คงลำบากกว่าจะได้ทำทานกัน ความยาวนานของเมนูนี้เจ้าของสูตรนี้เล่าให้คุณชายฟังว่า อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ถ้าใครเคยอ่านบทพระราชนิพนธ์กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๒ ก็จะพอนึก ๆ ได้ เอาล่ะไปดูส่วนประกอบของสูตรนี้กัน ส่วนประกอบ 1. ผักบุ้งไทย 250 กรัม บีบให้แตกหั่นท่อนแล้วเอาไปแช่น้ำเกลือไว้กันผักบุ้งดำ 2. หัวกะทิ 200 ML 3. หางกะทิ 600 ML 4. ใบมะกรูดดึงแกนกลางออกแล้วฉีก 5 กรัม 5. ลูกมะกรูด 1 ลูก แบ่งครึ่ง หั่นแว่น อีกครึ่งนึงไม่ต้องหั่น 6. พริกแกงเผ็ดอย่างดี 100 กรัม 7. 2 เกลอ ประกอบด้วย พริกแดงจินดา 2 เม็ด กระเทียมไทย 5 กลีบ ตำหยาบ 8. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ 9. น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ 10. น้ำปลาดี 1 ช้อนโต๊ะ 11. ผงปรุงรสหมู 1 ช้อนชา 12. ผงนัวปลายช้อนชา 13. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ ขาดไม่ได้จริง ๆ ขอหน่อย ไปดูวิธีทำกันเลย อย่างที่บอกบีบให้แตกหั่นท่อนแล้วเอาไปแช่น้ำเกลือไว้รับรองไม่ดำ จัดเครื่องรอไว้ให้พร้อมสรรพแล้วลุย 1. ตั้งกระทะไฟกลาง เทหัวกะทิลงไปครึ่งนึงก่อน เอาลงกระทะใส่เกลือนิดนึงเกลือจะช่วยให้กะทิแตกมันเร็วขึ้นแล้วผัดไฟกลางไปเรื่อย ๆ 2. เมื่อกะทิแตกมันได้ที่เอา 2 เกลอและพริกแกงลงไปผัด 3. เมื่อพริกแกงเริ่มเข้ากับกะทิครึ่งแรกใส่หัวกะทิที่เหลือลงไปให้หมด เหตุผลที่ใส่ 2 รอบ รอบแรกเราอยากให้แตกมันเพราะเราจะเค้าเป็นตัวผัดใช้แทนน้ำมันนี่สูตรแบบโบราณ ๆ เลยนะเนี่ย พอเค้าเข้ากับพริกแกง ก็จะมีมันสีแดง ๆ ลอยขึ้นมาให้เราเห็นถ้าเราใส่พรวดเดียวทั้งหมดแกงจะดูมีน้ำมันลอยหน้ามากเกินไปดูไม่น่าทาน 4. เมื่อเคี่ยวหรือผัดจนเข้ากันดีแล้วใส่เนื้อหมูปลาเค็มหรือปลาเทโพถ้ามีลงไปผัดให้เข้ากัน 5. พอหมูเริ่มสุก ค่อย ๆเติมหางกะทิลงไปผัดไปเติมไปทำแบบนี้จนเหลือหางกะทิครึ่งเดียว เหตุผลเดียวกับตอนใส่หัวไม่อยากให้เค้าโดนความร้อนครั้งเดียวนาน ๆ เดี๋ยวจะแตกมันมากไปดูไม่สวยงามสำคัญที่สุดก่อนขั้นตอนต่อไปคือให้หมูสุกกำลังดีเลยนะเพราะเราจะปรุงรสถ้าเครื่องปรุงรสใส่ลงไปเค้าจะไปรัดหมูทำให้สุกยากเปลืองแก๊สเปลืองไฟ ยุคนี้ต้องประหยัด ขั้นตอนนี้ประมาณ 10 - 15 นาที 6. ปรุงรสแล้วชิมคร่าว ๆ ตามชอบ เผ็ดเปรี้ยวเค็มหวานตามมาไกล ๆ อันนี่รสส่วนตัวนะครับ 7. เมื่อปรุงรสคร่าว ๆ ได้ที่ให้เติมหางลงไปให้เกือบหมดเหลือไว้อีกส่วนนึงไว้เติมตอนใส่ผักบุ้งแล้วผัดให้เข้ากันแล้วเอาฝาหม้อมาปิดเพื่อให้หมูระอุทานแล้วไม่เละเด้งสู้ฟัน 8. เปิดฝาหม้อมาเดือดปุด ๆ แบบนี้ เป็นอันใช้ได้แล้วใส่ผักบุ้งลงไปทันที 9. ใส่หางกะทิที่เหลือลงไปให้หมด แล้วใส่ผงปรุงรส ชิมรสชาติครั้งสุดท้าย ตามชอบ เผ็ดเปรี้ยวเค็มหวานตามมาไกล ๆ อันนี่ย้ำว่ารสส่วนตัวนะครับ 10. พอผักบุ้งเริ่มสุกตักหมูมาเช็คครั้งสุดท้ายว่าชอบแบบเหนียว ๆ หนึบ ๆ เด้ง ๆ หรือ เปื่อย ๆ ตามสะดวก 11. ใส่ลูกมะกรูดลงไปไม่ต้องทำอะไรกับเค้าเลยแล้วเอาฝาหม้อมาปิด ปิดไว้แบบนี้ให้เค้าระอุอีกรอบ 12. สุดท้ายเปิดฝาหม้อใส่ใบมะกรูดแล้วปิดไฟทันทีเป็นอันใช้ได้ บอกละเอียดขนาดนี้ถ้าจะให้ละเอียดมากกว่านี้ก็ไปทำให้ทานแล้วล่ะคุณขา ภาพและบทความทั้งหมดโดยคุณชายถนัดซ้าย ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้ที่ เพจ กินไปบ่นไป เพจ ไปที่ชอบที่ชอบ กลุ่ม อาหารแด่คนที่ฉันรัก รับจำนวนจำกัดแค่ 888 คน ช่องYoutube ไป ที่ชอบที่ชอบ