สวัสดีครับเพื่อน ๆ ก่อนเข้าเรื่องเล่าที่เราจะคุยกันวันนี้ ผมขออนุญาตเสริฟ์น้ำ เอ้ยกาแฟเย็น ๆ ก่อนนะครับ งั้นระหว่างที่เสริ์ฟเราก็มาเกริ่นว่า เรื่องที่เราจะคุยกันวันนี้เป็นเรื่องของการทำงานในยุคดิจิทัลที่หลายคนกำลังเผชิญโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มนุษย์ออฟฟิศ และเงินเดือนดื่มไปเราก็คุยกันในร้านกาแฟเสมือนว่า ร้านกาแฟคือ ที่ทำงานครับ[Work from Anywhere]เราเคยถามตัวเองหรือไม่ครับว่า อะไรคือ อุปกรณ์ที่ควรค่า ต่อการทำงาน หรือ จัดให้มีเพื่อประสิทธิภาพการทำงาน ในยุคนี้ช่วงหลังมานี้ ผมเห็นน้อง ๆ ออฟฟิศหลายแห่งมีวัฒนธรรมการทำงานที่ดูเหมือนกับว่า ก้าวข้ามความหมายของ คำว่า Work from Home ไปอีกสเต็ปจริง ๆ ข้อดีของ WFH ผมก็เคยเขียนทดไว้เมื่อครั้งโควิดระลอกก่อน [เผื่ออยากอ่านคลิ๊กเลย] หลัง ๆ มานี้คนทำงานสาย HR จะรับบทหนักกว่าเดิมแน่นอนนั่นคือ การติดตามผลการทำงานที่เว้นระยะห่างกันเพิ่มขึ้นแต่ต้องการประสิทธิภาพเท่าเดิมหรือมากกว่าเก่าหากมองในระดับองค์กรต้องถามว่า แล้ววัสดุอุปกรณ์อะไรบ้างที่ควรลงทุนให้กับคนเพื่อส่งเสริมให้การทำงานดีขึ้นผมสังเกตเห็นว่า หากเป็นคนรุ่นใหม่จริง ๆ เขาสามารถระบุอุปกรณ์ให้เป็นรายการได้เลยว่า อะไรบ้างที่จะถูกนำมาวางข้าง ๆ แล้วได้งานแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น กาแฟ เแท็บเล็ต เป็นต้นผมไม่แน่ใจว่า เจ้าหน้าที่พัสดุ หรือผู้บริหารรุ่นเต่าจะอ่านออกหรือไม่ว่า การสร้างผลลัพธ์เพื่อพัฒนางานให้เหนือกว่าคู่แข่งนั้น ดิจิทัล แอคเซส หรือเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เพื่อการสื่อสารงานสำคัญมากกว่า รถประจำตำแหน่งที่เอาเงินองค์กรมาซื้อเพื่อให้คนบางคนนั่งไปประชุมเสียด้วยซ้ำน่าคิดนะครับว่าการลงทุนและกล้าลงทุนในอุปกรณ์ที่ทันสมัยให้เกิดการทำงาน พร้อม ๆ กับพัฒนาวินัยการใช้อย่างสร้างสรรค์จะตอบโจทย์พลเมืองในองค์กรได้อย่างแน่นอนลองเอาไปทดสอบดูนะครับเช่น ซื้อไอแพดให้พนักงานทุกคนไปเลยอะไรแบบนี้ผมว่า การเสี้ยมแบบนี้ดูจะสวนทางกับเศรษฐกิจ แต่ถ้ากล้าในช่วงที่คนอื่นกลัว นั่นหมายความว่า เราคือผู้นำ ส่วนการจะดูว่า ได้ไปแล้วใครจะเวิร์คหรือไม่ เวิร์คมากหรือน้อย อย่าไปดูที่อายุครับ เพราะหากไม่คิดเปลี่ยนแปลงเราก็ถูกทำให้เปลี่ยนอยู่วันยังค่ำหากไม่เชื่อ ถามตัวเองสิว่า ใครสอนคุณเล่นเฟสบุ๊ค นั่นคือคำตอบอีกอย่างการส่งดอกไม้หากันทุกวันนั่นก็คือความสุขยุคดิจิทัลของคนอีกวัยที่ใฝ่รู้ไอทีจริง ๆ แล้ว Mindset ที่จำเป็นที่สุดสำหรับการมองเรื่องของการทำงาน Work from ที่ไหน ๆ ก็ตามแต่นะครับ ผมคิดว่าเราต้องสร้างวินัย และมีใจผูกกับงานพอสมควร การติดตามและประเมินผล อาจจะเปลี่ยนเรื่องการวัดผลเพื่อให้คะแนนเราคงต้องมุ่งพัฒนาความสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นเพราะงานสร้างสรรค์นอกจากไม่เบื่อแต่สร้างงานได้ยังช่วยให้รู้สึกคลายกังวลว่า โดนตามงานตลอด ผมค่อนข้างเชื่อในศักยภาพมนุษย์ที่ทำงานเพื่อเป้าหมายไม่เกี่ยงงานนะครับว่า การให้อิสระในการทุ่มเทต่องานนี่ล่ะคือความท้าทายที่สำคัญที่เราในฐานะคนทำงานต้องพิสูจน์ตัวเองเป็นบทเรียนส่วนบุคคลและให้ต่อทัศนะ Work from anywhereจากใจ HR ขาเลาะชาตรี ลุนดำหรือ อาจารย์ชาตรี ลุนดำภาพ | รูปทั้งหมด โดยผู้เขียน