ไลฟ์แฮ็ก

5 วิธีคิด | เปิดใจ ในวันที่กักตัว

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
5 วิธีคิด | เปิดใจ ในวันที่กักตัว

ภาพโดนชาตรีอิสรภาพ คือ เป้าหมายของมนุษย์ใฝ่ฝันมันก็จริงอยู่ หากแต่ว่า ยามวิกฤติที่จำต้องปิดกั้นอิสระภาพแห่งตนเพื่อสาธารณะหรือเพื่อคนหมู่ใหญ่นั้น ก็จำเป็นยิ่ง

ว่าด้วยความคิด ในช่วงวิกฤติทุก ๆ ครั้งใช่ว่า จะหามองหาโอกาสในช่องว่างเล็ก ๆ ไม่ได้  มนุษย์มีความคิดที่จะกำหนดให้สภาวะสุขและทุกข์เกิดแก่ตนเสมอ แต่มีหลายคนกล่าวไว้เช่นกันว่า หากเราไม่คิดเสียได้ เราจะพบสุขแท้ ซึ่งอย่างหลังนี้ค่อนข้างพบเจอกับประสบการณ์ของผู้ผ่านราตรีนานด้านการฝึกฝนจิต

เรื่องราววิกฤติไวรัสโควิด-19 ทำให้บ้านเมืองต้องวอนประชาชนให้กักขังตนหรือขอความร่วมมือให้อยู่ที่บ้านไม่ไปเพ่นพ่านด้วยความห่วงใย และร่วมแรงร่วมใจกันส่งกำลังใจให้กันรวมถึงป้องกันตนเอง

ภาพโดยผู้เขียน

ช่วงเวลาในการอยู่กับบ้านทุก ๆ กำลังสอนเราให้เข้าใจความเป็นบ้านกว่าวันวานที่ผ่านมา นี่คงเป็นโอกาสของการบอกกล่าวในกระบวนการคิดที่ส่วนตนผมพบในช่วงนี้ก็ว่าได้ครับ ผมมองเห็นความคิดที่เปลี่ยนวิกฤติแล้วได้ลงมือทำอะไรหลาย ๆ อย่าง อย่างน้อย ก็ 5 อย่าง ข้างล่างนี้ครับ

Advertisement

Advertisement

  1. ได้มีเวลา มีโอกาสสานสัมพันธ์และทำกิจกรรมกับครอบครัวใกล้ชิดมากขึ้นกว่าเดิม ได้เล่านิทานให้ลูกฟัง ทำกับข้าว และกิจกรรมที่ไม่เคยทำมาก่อนเนื่องจากว่า มีเวลาครอบครัวเพิ่มขึ้น ไอ้ตัวเวลานี่ล่ะครับ ที่ทำให้เรามักมีปัญหามากที่สุดโดยเฉพาะกับคนในครอบครัว หลายครั้งที่ทุกคนผ่านเลยวัยในช่วงอายุต่ออายุ การทบทวนเรื่องเวลาย้อนหลังมันมีค่ามากมายแต่การให้เวลากับปัจจุบัน นี่คือ โอกาสเลยนะ
  2. ได้โอกาสอ่านหนังสือ นี่คือ นาทีทองของการเติมอาหารสมอง ผ่อนคลายและพบพื้นที่สงบ สงัด [เมื่อลูกหลับ] เป็นการเติมเต็มความรู้เหมือนกับว่า บ้าน คือ   ห้องสมุดและให้พื้นที่ทางปัญญามากกว่าการทำหน้าที่พ่อบ้าน
  3. ได้มีโอกาสสะสาง งานคั่งค้างที่สะสมมาในมุมเงียบ ๆ เพื่อครุ่นคิดและจัดการได้อย่างดีเลย
  4. ได้ทดสอบ ทดลองใช้ชีวิตที่โหยหาอิสระที่มีขอบเขต
  5. ได้ฝึกสังเกตการณ์ปรากฏการณ์ที่เป็น ครูแห่งชีวิต ได้เห็นคุณค่า การเสียสละที่เด่นชัด การเห็นแก่ตัวของเราเองและสังคมที่

Advertisement

Advertisement

ภาพโดยผู้เขียน

การรุกรานของไวรัสไม่อาจพัดเราไปสู่ความตายได้โดยง่ายหากเรามีวิธีคิด 5 ด้าน เพื่อรับมือ คือ

  1. ไม่ประมาท ในทางธรรมะหรือธรรมชาติ มักจะสอนเรื่องของความเป็นจริงที่สำคัญประการหนึ่งคือ ความไม่ประมาท การประมาทไม่ได้หมายถึง การลงมือทำ แล้วรู้สึกว่ามันพลาด แต่การประมาทในที่นี้หมายถึงว่า การตัดสินใจปฏิบัติตนระมัดระวังกับการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อให้ทำให้ตัวเองเป็นจุดเสี่ยงในการแพร่เชื้อที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า มากไปกว่านั้น เป็นการรั้งตัวเองไว้ในที่อันปลอดภัยเมื่อไม่เอากายไปสู่การชุมนุมร่วมกับความเจ็บป่วยที่อาจจะมากับสิ่งรอบตัวหรือผู้อื่น เรามั่นใจได้เลยว่า การอยู่บ้าน คือ การไม่ประมาท
  2. ไม่ขาดความร่วมมือ ในหมู่บ้านที่เราพักอยู่ จะมีส่วนงานราชการมาประชาสัมพันธ์แจ้งข่าวจากทางการอยู่เรื่อย ๆ และสิ่งที่สื่อสารออกมานั้น ล้วนแล้วแต่เป็นการให้ข้อมูลในการเว้นระยะและดูแลพื้นที่สาธารณะผ่านการอ้อนวอนเพื่อให้ทุกคนจัดการตนเองตามมาตรการของรัฐ แน่นอนครับว่า ความเดือดร้อนจะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนเพิ่มขึ้น ผมเข้าใจว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนไม่ต้องการที่จะเป็นปฏิปักษ์ต่อเรามากกว่าการสร้างความเข้าใจให้ทุกคนมีวินัยร่วมกัน
  3. ไม่ถือตัวเองเป็นสำคัญ ในวิกฤติที่จะผ่านไปในแต่ละครั้งไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม เหตุผลที่ทำให้เราผ่านสิ่งนั้นไปได้ช้า คือ ความเห็นแก่ตัว จริง ๆ แล้วเราจะเรียกว่า สิ่งเหล่านี คือ วินัยที่เป็นยูนิตที่เล็กที่สุดแล้ว ก่อนที่เราจะใส่ใจสังคม จริง ๆ นะครับ ความเห็นแก่ตัว ต่อให้เหตุการณ์ปกติ มันก็ถือว่าเป็นสิ่งเลวร้ายอยู่ดี คิดดูสิว่า หากเกิดวิกฤติแล้วยังเกิดความเห็นแก่ตัวยึดตนเป็นสำคัญ สิ่งนั้นมันน่าเศร้าสลดเพียงใด
  4. หมั่นรักษาอนามัย นี่คือ วินัยใหม่ที่เป็นโอกาสฝึกฝนตัวเอง สุขอนามัยของเราถูกละเลยไปตั้งแต่สมัยการเรียนอนุบาล ประถมศึกษาไปนานแล้วนะ โดยเฉพาะผู้เขียนเอง นี่คงเป็นโอกาสทองของการดูแลเอาใจใส่ตัวเองและคนในครอบครัวแบบจริงจังเสียที
  5. ใส่ใจสังคมด้วยการเว้นระยะห่าง คงอึดอัดไม่น้อยครับสำหรับมนุษย์ที่เป็นสัตว์สังคม การเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นกระบวนการที่ถูกสังคมถือปฏิบัติและลงมือได้เลย มันอาจจะเป็นวัคซีนที่มีคุณค่าต่อการรักษามนุษย์ที่ดีกว่าเข็มฉีดยา และ การฆ่าเชื้อ รักษาในฐานะผู้ป่วยในโรงพยาบาลนะครับ ใส่หน้ากาก อยู่ห่างกัน แล้วเราจะไกลไวรัสไปด้วยกัน สู้ ๆ

Advertisement

Advertisement

แล้วเราจะผ่านมันไปด้วยกันนะครับ

ผ่านกันไปโดยความหมายของการ หยุดอยู่กับบ้านเพื่อให้กลไกของผู้เชี่ยวชาญได้ทำงานให้เต็มศักยภาพ ได้แก่บุคลากรทางการแพทย์ และเอาใจช่วยกันและกัน ซึ่งมีกิจกรรมดี ๆ ให้เราได้ทำ เช่น การปรบมือให้กำลังใจ เป็นต้น

เราอย่าลืม ปรบมือให้ตัวเองด้วยนะครับ

หากเราเคร่งครัดและใคร่ครวญร่วมกันว่า เรามีบทบาทต่อการข้ามพ้นเวลาอันเลวร้ายเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน อยู่บ้านวนไปครับผม

เป็นกำลังใจให้จ้า

ภาพ โดยผู้เขียน

ภาพถ่ายผู้เขียน

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์