อื่นๆ

เรื่องสยอง : ที่เกิดเหตุ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เรื่องสยอง : ที่เกิดเหตุ


11 ก.ย. 2013

12.00

สายลมปะทะใบหน้าขณะผมกำลังคร่อมสองล้อคู่ใจ ไปบนถนนสายยาวเส้น รังสิต - นครนายก มุ่งหน้าน้ำตกแห่งหนึ่งในจังหวัดนครนายก ความเร็วของมอเตอร์ไซค์ทำให้น้ำตาของผมที่รวมกันอยู่บริเวณหางตากระจายไปกับสายลม ความชอกช้ำมันผลักดันให้ผมต้องบิดคันเร่งแรงขึ้นๆ เรื่องของเรื่องก็คือแฟนสาวที่คบกันมา 11 ปีของผม เธอพึ่งเลิกกับผมไปได้ไม่นาน และเช้านี้ผมก็ได้รับข่าวว่าเธอกำลังจะแต่งงานกับลูกชายเศรษฐีที่ดินแห่งเมืองอยุธยา เมื่อรักไม่เป็นไปดั่งใจหวังผมจึงออกเดินทางโดยหวังแค่เพียงว่าจะลืมเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับเธอ

ผมไม่มีจุดหมายที่แน่ชัด ไม่มีระยะเวลาที่แน่นอน คิดเพียงว่า ลืมได้เมื่อไหร่ค่อยกลับ จนกระทั่งมอเตอร์ไซค์คู่ใจผมมาหยุดอยู่ที่บังกะโลแห่งหนึ่ง อยู่ไม่ไกลจากเขื่อนขุนด่านปราการชลมากนัก บังกะโลแห่งนี้เงียบสงบ ปกคลุมด้วยต้นไม้สูงลิ่วไปตลอดทาง บังกะโลไม้แต่ละหลังอยู่ห่างกันเพื่อความเป็นส่วนตัว เหมาะกับคนที่ต้องการหนีโลกแห่งความเป็นจริงอย่างผม ตัดสินใจได้ ก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะเดินเข้าไปที่ล็อบบี้ของบังกะโล มีเพียงยายแก่คนหนึ่งนั่งอ่านหนังสือศาลาคนเศร้าอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ ผมจัดแจงเดินตรงเข้าไปแล้วแจ้งความประสงค์ต่อยายทันที

Advertisement

Advertisement


14.30

บังกะโลหลังที่ผมได้ อยู่ด้านในสุด ติดกับลำธารที่ไหลมาจากน้ำตกแห่งหนึ่ง เป็นบังกะโลหลังใหญ่สำหรับคนประมาณสิบคน มีสองชั้น ชั้นล่างเป็นห้องสันทนาการ ชั้นบนเป็นห้องนอน4ห้อง ทำจากไม้ทั้งหลัง

จัดการเก็บสัมภาระเรียบร้อย ผมก็อาบน้ำให้สบายตัว ล้างสิ่งสกปรกออกไปจากร่างกาย แต่น้ำก็ไม่อาจล้างความเศร้าในใจออกไปได้เลย ในหัวของผมเต็มไปด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับเธอตลอดระยะเวลา 11ปีที่ผ่านมา ทำไม ทำไมเธอถึงได้ใจไม้ใส้ละกำกับผมขนาดนี้ ผมทำอะไรผิด


15.40

เพ้ออยู่นานรู้ตัวอีกทีผมก็นอนอยู่บนเปลยวนริมน้ำ มองทิวฟ้าป่าเขาธรรมชาติ แล้วก็อดนึกไม่ได้ว่าธรรมชาติเป็นสิ่งที่สวยงามเหลือเกิน ถ้าความตายเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติมันอาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิด ผมนอนเหม่อลอยมองฟ้าจนไกล้ค่ำ ยังไม่อยากเข้าไปในบังกะโลเพราะกลัวความคิดตัวเองเหลือเกิน อย่างน้อยๆอยู่ข้างนอกก็ยังมีอะไรให้คิดไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็ทนปาร์ตี้ยุงที่แห่มากินบุฟเฟต์กันไม่ไหว จึงกลับเข้าไปในบังกะโล

Advertisement

Advertisement


19.30

อยู่ๆก็นึกขึ้นได้ว่าผมยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้า แต่ความหิวกลับไม่เกิดขึ้นเลย สิ่งเดียวที่ต้องการในตอนนี้คือเบียร์เย็นๆ มาลบล้างความทรมานที่อยู่ในใจ อย่างน้อยก็จนกว่าจะส่างเมา ว่าแล้วก็โทรสั่งเบียร์ที่ล็อบบี้มา1ลัง ไม่นานนัก เด็กพม่า2คน ก็ซ่อนท้ายมอเตอร์ไซค์กันมาส่ง

ฤทธิ์สุราทำให้ผมหมดสติไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตื่นมา มองนาฬิกาเป็นเวลาประมาณตี3  แต่กลับมีเสียงของใครบางคนกำลังเคาะประตูเรียกผมอยู่ ไม่รู้ทำไมตอนนั้นผมจึงเดินออกไปเปิดประตูให้ผู้มาเยือนคนนั้น แต่เมื่อประตูเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามของสตรีคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่ภายนอกนั่น ในเวลานั้นผมงงไปหมดคงเป็นผลมาจากฤทธิ์ของสุรา จำได้ลางๆเพียงว่าเธอขอเข้ามาด้านใน ผมไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้ารับ แสงไฟภายในบังกะโลเผยให้เห็นปากนิดจมูกหน่อยที่เข้ารูปไปกับเค้าโครงหน้าของเธอ ในใจอยากจะถามเธอว่าเป็นใครมาจากไหน แต่เหมือนตกอยู่ในภวังค์ เธอค่อยๆถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นๆ หลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย

Advertisement

Advertisement



House


12 ก.ย. 2013

8.30

ผมสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาอย่างแรงบนเตียงนอน ความปวดหัวไม่ได้ทุเลาลงเลยจากเมื่อคืน ความสับสนประดังประเดเข้ามาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันคืออะไร ความจริงหรือความฝัน เธอคนนั้นเป็นใครกัน เมื่อได้สติผมก็สังเกตุว่าร่างกายของผมเปลือยอยู่บนเตียง เป็นไปได้ว่าเมื่อคืนผมเมาจนแก้ผ้านอน เพราะปกติหลังจากเลิกกับแฟนผมก็แก้ผ้านอนเป็นประจำอยู่แล้ว ก็เลยลุกไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นขึ้นมาหน่อย เหลือบไปเห็นโทรศัพท์ล่วงอยู่ข้างเตียงก็นคิดได้ว่า ไม่ได้เปิดเครื่องมาตั้งแต่เมื่อวาน จึงหยิบขึ้นมาเปิดเครื่องดู พบว่ามีคนพยายามติดต่อในระหว่างที่ผมปิดเครื่องเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จักร้อยกว่าสายโทรมา เดาว่าคงเป็นญาติๆที่โทรตามระหว่างที่ผมหายไป


9.00

ความหิวเริ่มก่อตัวขึ้นมาในวันนี้ ผมโทรสั่งข้าวผัดทะเล และ เอาไปนั่งกินข้างลำธารที่เดิม เมื่อนึกถึงเรื่องแฟนผมจะแต่งงานขึ้นมา ก็ทำให้เข้าใจว่ากินข้าวทั้งน้ำตามันเป็นเช่นไร น่าแปลกที่คนเราอยู่ด้วยกันมากว่า11ปี เวลาคนจะไปกลับไม่เหลือความสัมพันธ์อะไรเลย เพ้อเจ้อยังไม่ถึงไหนเสียงเดินของใครบางคนก็ทำผมหลุดออกจากภวังค์

ผมหันไปมองทางต้นเสียงนั้น เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทางผม ยิ่งไกล้เข้ามาผมก็ยิ่งเห็นหน้าเธอชัดเจน แล้วก็นึกออกขึ้นมาในวินาทีนั้นเลยว่าใช่เธอจริงๆ คนที่ผมฝันถึงเมื่อคืน ผมรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาเพื่อไม่ให้เธอเห็นว่าผมร้งไห้ ในใจก็นึกสงสัยแบบทวีคูณ แต่ก็ไม่ได้เอะใจเลยว่าทำไมไม่ได้เอ่ยปากถามเธอ ถ้าคุณได้เห็นว่าเธอสวยเพียงใดคุณก็จะทำอะไรไม่ถูกเหมือนกับผม เธอทักทายผมด้วยความเป็นมิตร ถามไถ่ว่าผมเป็นใครมาจากไหน ทำไมมาคนเดียว คุยกันพักใหญ่ก็ได้ใจความว่า เธอเป็นลูกสาวของเจ้าของบังกะโลแห่งนี้ เห็นผมอยู่คนเดียวเลยมาชวนคุยด้วย บ้านอยู่ท้ายสวนในบังกะโลนั้นแหละ


10.00

ใบหน้าของเธอเหมือนดั่งเวทย์มนต์สะกดให้ผมละสายตาจากเธอไม่ได้ เหมือนอยู่ในความฝันที่มีเธอชำระล้างความเศร้าให้หายไปจนหมดสิ้น เธอชวนผมลงเล่นน้ำในลำธารใส ทั้งๆที่เราพึ่งจะรู้จักกันไม่กี่นาทีแต่กลับเหมือนรู้จักกันมายาวนานแต่ชาติปางก่อน ผมหลงรักเธอตั้งแต่แรกเห็น


12.00

หลังเราขึ้นจากน้ำเธอก็หายไปครู่หนึ่ง และกลับมาพร้อมกับข้าวสำรับใหญ่ ผมและเธอกินอาหารกลางวันอย่างมีความสุขพรางพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกัน ไม่รู้อะไรทำให้ผมเปิดใจบอกถึงเหตุผลที่ผมมาที่นี่คนเดียว เธอเป็นผู้รับฟังที่ดีเราคุยกันอย่างเข้าอกเข้าใจ ผมตกหลุมรักเธอเข้าแล้วจริงๆ แต่ในระหว่างที่เรากินข้าวกันอยู่ ผมก็สังเกตุเห็น คนหลายสิบคนกระจายอยู่ทั่วบริเวณ และยืนจ้องมาทางผมกับเธอ น่าขนลุกเป็นบ้า แต่เธอก็บอกผมว่าเป็นคนงานของที่นี้ ผมก็สบายใจไปกระเปาะนึง

เธอชวนผมเข้าไปในสวนของบ้านเธอเพื่อไปเก็บผลไม้มากินกัน นาทีนั้นผมไม่อาจปฎิเสธอะไรเธอได้เลย เราทั้งคู่หยอกล้อเล่นกันอย่างสนุกสนาน เธอเล่าให้ฟังถึงที่แห่งหนึ่งในจังหวัดนครนายก เธอพรรณนาถึงความสวยงามของสถานที่นั้นให้ผมฟัง และ บอกว่าที่มันยังสวยขนาดนี้ เพราะไม่เคยมีคนเข้าไป  แต่ผมถามเท่าไหร่เธอก็ไม่บอกว่าอยู่ที่ไหน จนผมเลิกสนใจไป


17.00

เรานั่งห้อยขาแช่น้ำคลายร้อนกันตั้งแต่บ่ายสอง เรื่องคุยของเราสองคนผุดขึ้นมาราวกับว่าไม่มีวันจบสิ้น เวลาที่เธอหัวเราะ ร้อยยิ้มของเธอยากที่จะลืมเรือน แต่แล้วเราก็คุยวกกลับมาที่เรื่องของผม แต่ครั้งนี้ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จริงๆ เธอดึงผมไปซบอกเธอ พร้อมกับลูบหัวอย่างแผ่วเบา เธอถามผมว่าถ้าผมไปอยู่กับเธอจะหายเศร้าไหม ผมไม่ได้ตอบในทันที แต่คิดว่าก็คงดีขึ้น เธอบอกว่าถ้าไปอยู่กับเธอ เธอจะพาไปดูสถานที่ที่เธอบอกผม ผมและเธอจ้องตากันอย่างเข้าอกเข้าใจ ก่อนเธอจะยื่นหน้าเข้ามาหาผม ริมฝีปากเราจรดกันครั้งแรก ผันทำให้ความเศร้าโศกเสียใจที่ผมมีหายไปมลายสิ้นดั่งมีมนตรา เธอบอกผมว่าถ้าอยากไปอยู่กับเธอ ต้องทำอะไรให้เธอบางอย่าง ก่อนจะกระซิบที่ข้างหูผม คำๆนั้นก้องอยู่ในหัวผมตั้งแต่ตอนนั้น ก่อนเธอจะขอตัวกลับบ้าน


19.00

ผมกลับเข้ามาในห้อง หยุดคิดเรื่องเธอและคำที่เธอบอกผมไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว


19.30

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่องอีกครั้ง พรางนึกเสียดายที่ไม่ได้ขอข้อมูลติดต่อเธอไว้เลย จริงๆเรานัดกันที่ริมธารแล้ว แต่ช่วงเวลาที่ไม่ได้อยู่กับเธอมันช่างยาวนานเหลือเกิน ทันทีที่เปิดเครื่องติดเบอร์ของน้องชายผมก็โทรเข้ามาทันที

น้องชายผมบอกกับผมว่า ทุกคนรู้เรื่องหมดแล้ว เรื่องแฟนผม ผมถามว่าเรื่องอะไร น้องชายผมบอกว่าเรื่องที่แฟนผมหายไปทุกคนเจอศพแล้ว และ ตำรวจไล่ดูกล้องวงจรปิดทางหลวงและรู้แล้วว่าผมอยู่ที่ไหน ทุกคนกำลังไป และ ถามผมว่าได้กินยาบ้างหนือป่าว

ผมได้แต่ปฎิเสธ เพราะผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องราวนี้เลย ทำไมทุกคนถึงคิดว่าเป็นผม มันไม่จริง ผมไม่มีวันฆ่าเธอ สามีใหม่เธอหรือป่าวที่เป็นคนทำเรื่องนี้ แต่มาคิดดีๆ ผู้หญิงใจง่ายอย่างเธอก็สมควรตายแล้ว ไม่จริง ผมไม่ใช่ฆาตกร


20.00

ตำรวจกำลังมุ่งหน้ามาหาผมเหลือเวลาน้อยลงเรื่อยๆ ผมไม่ใช่คนทำแต่น้องชายผมกลับบอกว่าผมมีอาการทางจิต ผมไม่ได้ป่วย ทำไมไม่มีใครเข้าใจผม เธอทิ้งผมไปเธอก็สมควรตายแล้ว

เวลานี้ที่ผมต้องการที่สุดคือเธอ เธอเท่านั้น เราจะหนีไปอยู่ด้วยกันจะได้ไม่ต้องเจอใครอีก เธอจะพาผมไปดูสถานที่ที่สวยที่สุด


20.10

เธอมาหาผม เธอมาจริงๆในเวลาที่ผมต้องการเธอ เราจะไปด้วยกัน


20.30

เสียงรถตำรวจดังมาแต่ไกล ผมได้ยินเสียงคนเดินรอบๆบังกะโล แต่พวกเค้าไม่ทันแล้ว ผมจะไปแล้ว ไปกับเธอ......



Crimescene

ข้อความจากสมุดบันทึกที่ตกอยู่ ณ ที่เกิดเหตุ การฆ่าตัวตายภายในบังกะโลร้าง บันทึกสิ้นสุด ณ เวลา 20.30 น. ก่อนเจ้าหน้าที่พบศพไม่กี่นาที



รูปภาพประกอบฟรีจากเว็บ Pixabay ใช้เพื่อการเพิ่มอรรถรส ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่อง

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์