เคยมาเที่ยวเขื่อนขุนด่านปราการชลหลายครั้งแล้ว แต่เป็นการเที่ยวบนสันเขื่อนด้วยการนั่งรถราง ครั้งนี้เปลี่ยนมาเรานั่งเรือหางยาวเข้าไปชมภูเขาและน้ำตกข้างใน วิธีเดินทางมายังจุดขึ้นเรือก็คือขึ้นมาบนเขื่อนแบบปกติ จะมีซุ้มสำหรับจำหน่ายตั๋วเรืออยู่แถวซุ้มขายอาหารและของที่ระลึก ค่าเรือหางยาวนำเที่ยว แบบเหมาลำ 1500 บาท แต่ถ้ามาน้อยคนสามารถรวมกับคนอื่นไปได้ 8 คนขึ้นไปคนละ 200 บาท ชาวต่างชาติจะแพงกว่าคนไทย 1 เท่า ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง สิ่งที่เราอยากบอกสำหรับคนที่มาเที่ยวในช่วงหน้าฝน ขอแบ่งเป็นข้อๆ ดังนี้ 1.ควรมีเสื้อกันฝนและกระเป๋ากันน้ำสำหรับใส่โทรศัพท์ กล้อง ฯ จะทำให้คุณไม่ลำบากเมื่อต้องนั่งเรือฝ่าสายฝน หรือแวะขึ้นไปเที่ยวตามจุดต่าง ๆ ยิ่งมีเด็กยิ่งควรมีเสื้อกันฝนติดไปด้วย เพราะใช้เวลาในการล่องเรือนาน ถ้าฝนตกเด็ก ๆ อาจจะไม่สบายได้ 2.ควรใส่รองเท้าที่รัดกุม เลอะเทอะและเปียกได้ ไม่แนะนำรองเท้าแตะ โดยเฉพาะจุดสุดท้ายน้ำตกเขาช่องลม ต้องเดินบนหินก้อนใหญ่ รองเท้าแตะทำให้ลื่นหรือเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่า 3.ใส่เสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัย ข้อนี้อย่าละเลย และเชื่อฟังคำบอกกล่าวของเจ้าหน้าที่ขับเรือด้วยค่ะ เรามา 2 คนเลยรวมกับกลุ่มอื่น รอไม่นานเจ้าหน้าที่ก็ให้ไปขึ้นเรือโดยเดินลงไปที่บันไดที่มีป้ายติดว่า 'ห้ามลง' งงไหม? แล้วลงได้ไหมเนี่ย... พอเดินไปเจอป้ายเขียนว่า 'ห้ามลงบันไดก่อนได้รับอนุญาต' เราน่าจะได้รับการอนุญาตแล้ว มาช่วงเดือนกันยายนจะได้แวะเที่ยว 3 จุดคือ น้ำตกงามงอน น้ำตกคลองคราม และเขาช่องลม ข้อดีมาก ๆ ของการมาเที่ยวช่วงนี้คือระดับน้ำขึ้นสูงเรือเข้าถึง เดินต่อเพียงนิดเดียวไม่ต้องเดินไกล โดยเฉพาะเดินขึ้น-ลงบันไดเขื่อน น้อยขั้นกว่าคนที่มาก่อนหน้าฝนมากเบาแรงไปได้เยอะ แต่ทางเดินเฉอะแฉะต้องระมัดระวัง พอเรือออกปุ๊บ ฝนตกปั๊บ ตอนแรกก็เซ็งแต่ตอนหลังฟินมาก ซึ่งในแต่ละฤดูธรรมชาติที่ได้เห็นก็ไม่เหมือนกัน เราอ่านรีวิวของคนที่มาก่อนเข้าหน้าฝน เดินเล่นกันในทุ่งหญ้าและธารน้ำ ซึ่งเราไปกลางเดือนกันยายนไม่เป็นแบบนั้น ฝนตกตลอดทางเปียกตั้งแต่เที่ยงครึ่งยันบ่ายสาม ตกหนักบ้าง ตกเบาบ้าง ยังมีความปราณีให้ได้ขึ้นไปถ่ายรูปนิดหน่อย รูปในทริปนี้ประมาณ 70% จึงเป็นกล้องจากมือถือ ต้นไม้เขียวชอุ่ม มองไปทางไหนก็สดชื่น ไม่ร้อน หมอกฝนเยอะมาก วิวสวยสุด ถ่ายรูปได้ไม่เบื่อ จุดแรกที่คุณลุงแวะให้คือ 'น้ำตกงามงอน' จุดนี้ไม่มีใครลงเลยเนื่องจากฝนตก และเหมือนจะเห็นว่ามีการปีนป่ายโดยใช้เชือกด้วย ในเรือเรามีเด็กและเสียงส่วนใหญ่ไม่มีคนลง ตรงนี้คือข้อเสียของการจอยทริปกันแบบหลายกลุ่ม ต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ค่ะ ที่จริงเราก็ขี้เกียจอยากนั่งเรือเอาหน้าแป้น ๆ โต้ฝนมากกว่าออกแรงในสภาพอากาศแบบนี้ ที่บอกว่าฟินคือหลังฝนตกมีหมอกขึ้นมาเยอะมาก อากาศสดชื่นที่สุด แต่ฝนก็ไม่ยอมหยุดตกจริง ๆ สักที จุดที่สองคือ 'น้ำตกคลองคราม' คุณฝนใจดีหยุดตกให้เราได้ลงไปเดินเล่นกันแบบเละ ๆ จุดนี้เดินไม่ยาก ไม่เหนื่อย ไม่ไกล (ความจริงไม่มีจุดไหนไกลเลย) แค่ระวังลื่น ข้างในสุดเป็นน้ำตก เราไม่ได้เล่นน้ำเพราะเปียกอยู่แล้ว เดินถ่ายรูปเก็บบรรยากาศรอบข้าง สวยมากค่ะ ต้นไม้เขียวชอุ่ม ตัดกับหมอกสีขาว ฟ้าครึ้มและกลิ่นฝน มีคลิปแบบ no filter สั้น ๆ มาฝากด้วยค่ะ https://www.instagram.com/p/B2cHLi9FkQN/ จุดที่สาม 'น้ำตกเขาช่องลม' จุดนี้หินก้อนใหญ่เยอะต้องปีนนิดหน่อย กระโดดข้ามไปมาเล็กน้อย เด็ก ๆ เพลินกับจุดนี้มาก เพราะเป็นธารน้ำกว้างและไม่ลึก เล่นน้ำได้สนุกกว่าจุดก่อนหน้านี้ ความสุขอยู่ได้ไม่นานก็โดนฝนไล่อีกแล้ว คราวนี้ขึ้นเรือกลับกันเลยค่ะ เพราะฝนตกหนักมาก ที่บอกว่าควรมีเสื้อกันฝนเพราะเวลาฝนตก ตัวเปียก นั่งเรือโต้ลมแบบนี้มีหนาว ยอมรับว่าใจเสียมากที่ฝนมาตกระหว่างที่เพิ่งเริ่มทริป ธรรมชาติบางทีก็คาดเดาไม่ได้ เวลาวางทริปควรจะคำนึงถึงปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ถ้าเข้าหน้าฝนแล้วเกิดอยากเที่ยว เราขอแนะนำที่นี่เก็บไว้เป็นตัวเลือกในใจ เพราะถ้ามาแล้วฝนตกก็ยังมีความสวยงามของธรรมชาติในอีกรูปแบบหนึ่งให้สัมผัส ขอปิดท้ายบทความนี้ด้วยภาพลานจอดรถที่ปกติเจอแต่ดวงอาทิตย์แผดเผา วันนี้เต็มไปด้วยหมอก ถือเป็นทริปที่คุ้มค่ามากกับเงิน 200 บาทและเวลาที่เสียไป สำหรับใครที่กลัวเมาเรือไม่ชอบความโคลงเคลง อยากให้ทราบไว้ว่าน้ำในเขื่อนเป็นน้ำนิ่ง มีคลื่นบ้างตอนที่เรือขับสวนกัน ถ้าใครชอบธรรมชาติเขียว ๆ เดินทางง่ายไม่ลำบากอยากให้ลองมาเที่ยวที่นี่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและฤดูกาลที่มาด้วยนะคะ