“เก็บเรื่องมาเล่า โดยหนุ่ม สุทน” วันนี้วันเสาร์ที่ 26 กันยายน 2563หนุ่ม-สุทน มาวัดฝั่งคลองริมคลองท่าแดง ถนนสุวรรณศร ตำบลเกาะหวายอำปากพลี จังหวัดนครนายก ท่องเที่ยวสัมผัสวิถีชาวไทยพวนชุมชนคุณธรรม “วัดฝั่งคลอง” @นครนายก วัดฝั่งคลอง เป็นวัดเก่าแก่มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีและต่อมาเมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2310 พระเจ้าตากสินหรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงกอบกู้เอกราชกลับคืนมาได้แล้วก็ทรงสถาปนาราชธานีใหม่คือกรุงธนบุรีศรีมหาสมุทรแต่เรื่องส่งครามยังคงมีต่อเนื่องในปีมาถึงปี พ.ศ. 2321-2322 สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ได้ทรงนำทัพไปตีกรุงเวียงจันทน์เสร็จแล้วได้นำชาวพวนจำนวนมากจากกรุงเวียงจันทน์เข้ามาในเขตอาณาจักรกรุงธนบุรีโดยให้ตั้งบ้านเรือนอยู่หลายที่เช่น บ้านหนองแสง บ้านเกาะหวาย บ้านหัวลิงและบ้านท่าแดง ต่อมาชาวพวนส่วนหนึ่งได้ย้ายข้ามคลองท่าแดงเพื่อตั้งบ้านเรือนบริเวณใกล้เคียงกับวัดฮิมคลอง ตามชื่อเรียกภาษาชาวพวนถึงทุกวันนี้คือ “วัดฝั่งคลอง” ริมคลองท่าแดงเมื่อครั้งอดีตกาลเคยเป็นย่านค้าขายทางเรือไปเชื่อมแม่น้ำบางอีกงหรือบางปะกงเมืองแปดริ้วปัจจุบันคือจังหวัดฉะเชิงเทรา เรากลับมาที่วัดฝั่งคลองชาวพวนยังคงช่วยกันรักษาวัฒนธรรมวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมไว้ พอนานวันหลาย ๆ สิบปีก็เริ่มจะจางหายไปจนกระทั่งต่อมาท่านพระครูวิริยานุโยคเดินทางมาจากวัดแจ้งอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดฝั่งคลอง ท่านพระครูวิริยานุโยคเป็นพระสงฆ์นักพัฒนาออกบิณฑบาตตามบ้านเรือนชาวพวนก็ศรัทธาท่าน จนกระทั่งเข้ามาในปี พ.ศ.2541 ท่านก็คิดที่จะตอบแทนชาวพวน ตามเหตุผลท่านพระครูวิริยานุโยคเล่าเรื่องให้หนุ่ม-สุทนฟัง อาตมาภาพฉันข้าวทุกวัน ๆ ของชาวไทยพวน จนทำให้ในร่างกายและจิตวิญญาณเสมือนญาติพี่น้องชาวไทยพวนท่านจึงคิดริเริ่มโครงการจัดทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ชาวพวนหรือชาวไทยพวนแล้วเข้าร่วมสัมมนากับกรมศิลปากรและผู้ใหญ่อีกหลายท่านเพื่อหารือเก็บทรัพย์สินทางศิลปะวัฒนธรรมชาวไทยพวนให้คงไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษาข้อมูลความรู้เกี่ยวกับชาติพันธ์และในปีพ.ศ. 2542 ทางวัดฝั่งคลองได้งบประมาณเพื่อจัดซื้อกี่กระตุกสำหรับทอผ้าครั้งแรก 10 กี่ แล้วซื้ออีก 10 กี่รวมกันเป็น 20 กี่ ให้ชาวไทยพวนทอผ้าย้อนวิถีชีวิตดั้งเดิมแล้วครั้งนั้นท่านพระครูวิริยานุโยคท่านได้เดินทางไปพูดคุยกันกับชาวไทยพวนอำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรีเพื่อหาซื้อวัตถุดิบการทอผ้าปรากฏว่าท่านเห็นไข่เค็มพอกดินสอพองจังหวัดลพบุรีท่านก็คิดน่าจะผลิตไข่เค็มจำหน่ายแต่ในใจคิดอยู่ 2 สถานที่คือไข่เค็มไชยาจังหวัดสุราษฎร์ธานีกับไข่เค็มดินสอพองลพบุรีขณะกำลังคิดท่านได้คั้นน้ำใบเตยมันกระเด็นใส่จมูกได้กลิ่นหอมจึงตัดสินใจผลิตไข่เค็มใบเตยพอกดินสอพองฮ่า ๆ เรื่องราวยังไม่จบแค่นี้ ท่านพระครูวิริยานุโยคออกงานรับบิณฑบาตพอกลับมาวัดฝั่งคลองท่านต้องการฉันกาแฟเรียกกาแฟนมสดสายตาเห็นไข่เค็มและกล้วยหอมลองฉันดูซิมันมีรสชาติเค็ม ๆ หอมกรุ่นกล้วยหอมนี่แหละคิคิ อันนี้ก็แปลกครับ ชาวแฟนเพจทุกท่านเป็นที่มาของคำว่า “กาแฟไข่เค็มวัดฝั่งคลอง” เมื่อนักท่องเที่ยวไปเที่ยวทางวัดฝั่งคลองจะนำเสนอไข่เค็มใบเตย สำหรับพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยพวนหรือศูนย์วัฒนธรรมเฉลิมราชวัดฝั่งคลองน่าท่องเที่ยวมาก ๆ ตั้งอยู่ในพื้นที่วัดฝั่งคลองสะอาดมาก ๆ หากนักท่องเที่ยวไปเป็นหมู่คณะ 40-100 คน ทางวัดฝั่งคลองจะรองรับในรูปแบบสัมมนาได้หรือจะเยี่ยมชมสัมผัสวิถีชีวิตชาวไทยพวนทานอาหารพาแลงแล้วชมการแสดงของชาวไทยพวนโดยเฉพาะภาษาพูด ภาษาเขียน เครื่องดนตรี การแต่งกายและเพลงพื้นบ้าน ลำตัดชาวไทยพวนสุดยอดจริง ๆ เขาคิดคนละ 199 บาท มีวิทยากรบรรยายด้วย ส่วนท่านที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท) สำนักงานนครนายก โทรศัพท์ 037-312282, 037-312284 ได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. ขอขอบคุณ ผอ.สกล ทองคำ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท) สำนักงานนครนายก ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นมากครับ เรื่องและภาพโดย : หนุ่ม-สุทน รุ่งธัญรัตน์ แฟนเพจเฟสบุ๊ค : https://www.facebook.com/sutonfm100.5/ #ติดตามฟังเรื่องราวการเดินทางเที่ยวทั่วไทยทางคลื่นข่าว100.5fm ทุกวันอาทิตย์เวลา 10.10-11.00 น. #เที่ยวเพลิน #เก็บเรื่องมาเล่าโดยหนุ่มสุทน #bigmaptravel #Tourism local life ชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวไทยยั่งยืน