เมื่อช่วงสิ้นปีที่ผ่านมาคงจะเป็นช่วงที่หลายๆคนคงวางแผนเดินทางกลับต่างจังหวัดเดินทางไปเที่ยวในที่ต่างๆเพื่อเป็นสิ่งตอบเเทนตัวเองที่เหนื่อยทำงาน เหนื่อยเรียนมาทั้งปี ส่วนพวกเราก็คงไม่ต่างจากหลายๆคนที่ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบมิดเทอมของพวกเราก่อนหยุดยาวปีใหม่พอดี อยู่ๆก็ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นลากกันไปเขาใหญ่เฉย ด้วยความเป็นคนใจง่ายตอบตกลงเพื่อนไปเเบบไร้ซึ่งข้อเเม้ใดๆ เราเริ่มเดินทางกันตอนกลางคืนซึ่งเป็นรถไฟเที่ยวสุดท้ายของคืนนั้นเเล้ว ซึ่งเป็นรอบ 23:45 เราจะเดินทางถึงสถานีปากช่องประมาณ ตี3-4ได้ พอถึงเวลารถไฟก็มาตรงเวลา พวกเราก็ทำการจับจองที่นั่งหวยออกที่พวกเราคือรถไฟตู้นั้นไฟเสียมองไม่ค่อยเห็นสักเท่าไหร่ รถไฟขบวนที่เรานั่งด้วยความที่มันเป็นขาขึ้นไปกรุงเทพฯ คนเลยไม่ค่อยมีนั่งสบายนอนกันยาวๆไปเลย ก่อนนอนเราได้ทำการตั้งนาฬิกาปลุกโดยกะระยะเวลาโดยประมาณไว้เพราะกลัวนั่งเลยสถานี ระหว่างการเดินทางบนรถไฟ อากาศเย็นมากขนาดใส่เสื้อเเขนยาวปิดกระจกเเล้วก็ยังหนาว ซึ่งการนอนบนรถไฟมันก็ไม่สามารถนอนได้เต็มอิ่มสักเท่าไหร่ทั้งหนาวทั้งกังวลกลัวเลยสถานีเลยหลับๆตื่นๆจนมาถึงสถานีปากช่องตอนตี4 พอถึงสถานีพวกเราก็เเยกย้ายทำธุระส่วนตัวเเล้วนั่งรอเวลาสักพักก็ตัดสินใจเดินไปวินรถสองเเถว ปากช่อง-เขาใหญ่ ซึ่งเดินตามทางที่อ่านรีวิวมา เป็นครั้งเเรกที่ไปเที่ยวเเล้วเดินทางไม่หลง มหัศจรรย์ยิ่งนักเพราะปกติต้องหลงสักครั้งแหละเราเดินมานั่งรอรถสองเเถวที่วินรถตู้ เท-วา-ดา รถสองเเถวจะมาจอดใกล้ๆกัน รถสองเเถวรอบเเรกจะมาตอนประมาณตีห้าสี่สิบ สักพักเรานั่งๆอยู่พี่วินรถตู้ก็ได้เดินเข้ามาคุยกับเราว่าไปเขาใหญ่ใช่ไหม เตรียมอาหารไปหรือเปล่า เเล้วพี่เเกก็ขอดูน้ำเเข็งในกล่องโฟมที่เราใส่มาแกบอกว่ามันไม่พอ เดินไปตักของพี่ใส่เพิ่มเลยพี่ให้ฟรี คนปากช่องน่ารักมากค่ะนี่เป็นครั้งเเรกที่เราเดินทางไปเขาใหญ่เเค่จุดเเรกเราก็ประทับใจเเล้ว นั่งรอไปสักพักตีห้ากว่าๆรถสองเเถวก็มาจริงๆสองเเถวจะออกรอบเเรก6โมงเช้า เเต่วันนั้นคนที่จะไปเขาใหญ่เหมือนเราเยอะรถเลยออกทันทีที่พวกเราขึ้น เดินทางประมาณ40นาทีก็มาถึง อุทยานเเห่งชาติเขาใหญ่หน้าเขาใหญ่จะมีร้านเช่ารถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งรถมีจำนวนน้อยหากใครจะมาเที่ยวเขาใหญ่เเนะนำให้โทรมาจองกับทางร้านก่อนโดยทางร้านไม่มีค่ามัดจำเพียงเเค่ชำระค่าเช่ารถเเละเเจ้งวันเวลาที่เราจะมารับรถเท่านั้น โชคดีที่เราตัดสินใจโทรจองรถไว้ล่วงหน้าเพราะวันนั้นรถมีคนจองเต็มหมดเเล้วถ้ามาเช่าหน้าร้านก็คือจะไม่ได้นะ ด้วยความที่พวกเรามาถึงกันเช้ากว่าปกติ ซี่งร้านจะเปิด08:00 น. ก็เลยนั่งรอกันไป รอบๆร้านมีมุมน่ารักๆสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป รอสักพักพี่เจ้าของร้านเเกก็เดินออกมาพอดี เจ้าของร้านบอกว่าจะเอารถไปตอนนี้เลยก็ได้เเต่ตอนส่งต้องเอามาส่งเวลานี้ ซึ่งมันเช้ามาก คงขับลงมาไม่ทันถ้าส่งไม่ทันจะปรับ ชม.ละ50บาท พวกเราเลนตัดสินใจจะไปเดินเล่นถ่ายรูปเเถวๆหน้าอุทยาน เเต่ด้วยความที่กลัวว่าจะได้รถคันไม่ถูกใจเลยจะขอพี่เจ้าของร้านจองรถไว้ก่อนพี่เเกก็ใจดีให้เราจองรถไว้ก่อนได้ เเต่ใจดีเพิ่มไปอีกคือพี่เเก บอกพี่คิดเริ่มให้08:00น.เลย คนปากช่องน่ารักจริงๆค่ะ ถือเป็นความโชคดีของเรา เราเป็นคนขับรถในตอนขาขึ้นเราก็คิดว่ามันใกล้ๆ ที่ไหนได้22 กม.นะ นี่เป็นครั้งเเรกของเราที่ขับรถข้างนอกเเบบนี้เพราะปกติจะไม่ขับออกถนนใหญ่จะขับเเค่ในมหาวิทยาลัยเท่านั้น เเต่เพื่อนก็ไม่รู้เอาความมั่นใจมาจากไหนถึงกล้าซ้อนเรา ขอบคุณเพื่อนจริงๆที่ไว้ใจ จากคนขับรถไม่เเข็งก็เลยกลายเป็นคนขับรถเเข็งโดยทันที บิดมอเตอร์ไซค์มาซักพักเเรกๆอากาศก็เย็นๆสักพักเริ่มหนาวหนาวจนมือเเข็งชาไปหมดทรมานมากทำไรก็ไม่ได้ ภาวนาให้ขับถึงที่พักอย่างปลอดภัยเป็นการขับรถขึ้นเขาที่เสียวดีถือว่าเปิดประสบการณ์ครั้งเเรกเลยก็ว่าได้ ขับมาสักพักก็ถึงจุดกางเต็นท์ลำตะคลอง พวกเราถึงกันตอน9โมงยังพอมีที่กางเต็นท์อยู่ถ้ามาสายๆคืออาจไม่มีที่กางเต็นท์เเล้ว หลังจากนั้นพวกเราก็ทำการหาที่กางเต็นท์เเละชำระค่าเช่าที่กางเต็นท์คนละ30บาท/วัน ทำเลที่กางเต็นท์ที่เราเลือกก็คือติดริมน้ำกันไปเลยช่วงที่เราไปเป็นช่วงสิ้นปี ซึ่งคนจะค่อนข้างเยอะมากหากมาช้าอาจไม่มีที่กางเต็นท์หลังจากที่พวกเรากางเต็นท์เสร็จ ก็ไปขับรถหาที่เที่ยวกันเลย ที่เเรกที่ที่ไปคือน้ำตกเหวสุวัต ที่เลือกไปน้ำตกเหวสุวัตเพราะเป็นที่เดียวที่ใกล้ที่สุดเเล้วประมาณ3 กม.หลังจากที่เที่ยวชมที่น้ำตกเหวสุวัตจนพอใจเเล้วเราก็ทำการหาที่ไปใหม่ซึ่งพอดูเเต่ละที่เเล้วก็ท้อใจเราเองก็ขี้เกียจขับรถซึ่งเเต่ละที่มันไกลมาก ให้ไปเดินป่าเดินเขายังโอเคก็มาขับรถขึ้น-ลงเขาแบบนี้ คุยกันไปคุยกันมา สรุปคือจะขับรถลงเขาไปหาของกิน ไปจ้าขับไปต่อไม่รอเเล้วนะ22 กม.เเต่เชื่อไหมพวกเราขับกันไปก็ไม่รู้จะเเวะไหนเพราะเเต่ละที่คือไกลเหลือเกินมันไม่เหมาะกับฉันจริงๆถามว่าเฟลไหมก็เฟลเเหละเเต่พอบอกตัวเองว่าอย่าคาดหวัง เปิดใจให้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความทรงจำของเราในทุกๆก้าวก็พอ หลังจากที่ขับรถเล่นอยู่นานสองนานก็ถึงเวลาขับรถขึ้นเขาอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เกือบจะเหลือเเค่ชื่อเเล้วเพราะเราขับรถตกขอบถนน เเต่โชคดีที่ตั้งสติได้เเละไม่เป็นอะไรรอบนี้เรากับเพื่อน เเวะถ่ายรูปกันที่อ่างเก็บน้ำสายศรช่วงนี้รถกำลังเยอะเพราะเป็นช่วงที่รถกลับต่างจังหวัดหนีรถติดมาทางเขาใหญ่กันหลังจากที่เหนื่อยกันมาทั้งวันก็ถึงเวลาอาหารของพวกเราเเล้ว ซึ่งอาหารพวกนี้เราได้ทำการเเบกมาจากบ้านโดยการใส่กล่องโฟมขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ เป็นการย่างไก่ครั้งเเรกในชีวิต เเต่สุกนะจะบอกให้ถือว่าใช้ได้อยู่นะเราเนี่ย ด้วยความที่ไม่มีอะไรที่จะต้มน้ำร้อนได้เเต่อยากกิน เลยทำเเบบนี้ซะเลย ซึ่งต้องใจเย็นมากๆไม่งั้นไฟไหม้กระดาษเเน่ จนพี่เต็นท์ข้างๆแกต้องหันมามองเเล้วพูดว่าถ้าเป็นเเกทำคงไม่ได้กินเพราะคงไหม้ก่อน ฮ่าๆ เเต่สุดท้ายเราได้กินนะ ก็ยังถือว่าใช้ได้อยู่ที่อุทยานฯจะทำการให้งดใช้เสียงเเละงดกิจกรรมทุกอย่างตอน4ทุ่ม ก็คือถ้าทำอะไรอยู่ก็ควรจัดเก็บให้เรียบร้อย บรรยากาศบนเขาตอนกลางคืนจะหนาวเย็นๆ เช้าที่เเสนสดใสกับอุณหภูมิ18 องศากับควันที่ออกปากมันเป็นอะไรที่รู้สึกดีมากๆ พวกเราทำธุระส่วนตัวเเละเก็บของเพราะต้องทำเวลาเอารถไปส่งให้ทัน08:00น. ต่อให้จะส่งรถมันหรือไม่ทันการขับรถบนเขาก็ไม่ควรรีบต่อให้รีบก็ตาม เลยทำให้พวกเรามาส่งรถเลทไป40นาที เเต่ด้วยความโชคดีพี่เจ้าของร้านไม่คิดค่าปรับพวกเรา คนปากช่องมีเเต่คนน่ารักจริงๆเป็นการเดินทางที่เจอเเต่คนน่ารัก หลังจากส่งรถเสร็จเราก็นั่งสองเเถวไปลงปากช่องเพื่อเดินทางกลับ เเต่รถไฟเที่ยวที่เราเลือกเลทไป1 ชม.เต็มๆ เราเริ่มใจไม่ดีเเล้วว่า คนเยอะเเน่นอนเพราะขบวนนี้ต้นทาง กทม.เเละเเล้วสิ่งที่คิดก็เป็นจริงคนเยอะมากเจอะจนขึ้นรถไฟไม่ได้ต้องใช้สกิลการเเทรกตัว โห้ เเม่จะเป็นลมถามว่าอารมณ์เสียไหมเฟลไหมตอบเลยว่าไม่นะ เราหัวเราะยิ้มตลอดมันเหมือนเราไม่หวังอะไรเเล้วเเต่สุดท้ายเราก็ทนพิษบาดเเผลไม่ไหว เลยทำการเปลี่ยนขวนที่สถานี นครราชสีมาก่อนหน้านี้ที่จะได้ตั๋วด้วยความรีบเพราะรถไฟจะออกวิ่งไปซื้อตั๋วจนล้มอยู่กลางสถานีได้เเผลกันไป ฮ่าๆ ได้นั่งสักทีไม่ต้องยืนขาเเข็งเเล้ว ในที่สุดก็ถึงที่หมายสักทีด้วยรถตุ๊กๆ ขอบคุณการเดินทางในครั้งนี้ที่ได้สร้างมิตรภาพรอยยิ้มความทรงจำดีๆให้อีกครั้ง ขอบคุณคนปากช่องที่น่ารักที่ยินดีตอนรับนักท่องเที่ยวตัวเล็กๆอย่างพวกเราสำหรับมือใหม่หัดเที่ยวถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีเลยทีเดียวทำให้เราอยากเดินทางไปเรื่อยๆเพราะเชื่อว่ายังมีสิ่งดีๆที่รอเราอยู่อีกมากมาย