มีคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวของผม เมื่อผมได้เห็นชายชาวยุโรปหุ่นเพียวลมในสารคดีของต่างประเทศชุดหนึ่ง เขาปั่นจักรยานท่องเที่ยวไปวันละร้อยกว่ากิโลเมตร และเป็นเวลาหลายวันต่อ 1 ทริป โอ้ว...พระเจ้า จุดประกายสุด ๆ ผมลุกขึ้นจากที่นอนทันที บิดคอ หันหน้า จ้องมองไปที่แววตาตนเองในกระจก แล้วพูดกับหมอนั่นว่า "ตอนนี้ ฉันปั่นไปซื้อกับข้าวหน้าหมู่บ้าน ระยะทาง 100 กว่าเมตร ลิ้นยังไหลลงไปฟาดกับเข่าเลย ถ้าฉันต้องการเป็นชายผู้นั้น สิ่งใดเล่าจะเปลี่ยนแปลงฉันได้ เหลือบไปที่หน้ารั้วบ้านก็มีเพียงจักรยานแม่บ้านราคาหลักร้อยพร้อมท่าทางที่บิดเบี้ยวและเสียงเลื่อนลั่นในขณะขับขี่เท่านั้น" พอสิ้นเสียงความคิดตนเองในหัว ผมก็ล้มตัวลงนอนตามเดิมเหมือนที่เคยทำในทุก ๆ วัน มันไม่ได้จบเพียงเท่านั้นครับ เมื่อแสงแรกของตะวันได้แยงเข้ามาในดวงตาอันขุ่นเคืองที่เต็มไปด้วยขี้ตาของผม ผมก็ได้ตระหนักรู้ว่า เหนือสิ่งอื่นใดในจักรวาล ข้อมูลและประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ทันใดนั้น ผมจึงเริ่มออกแสวงหาความรู้ไปควบคู่กับการโคจรของดวงตะวัน วันแล้ว วันเล่า ตลอดระยะเวลาหลายเดือนในทุก ๆ เวลาว่าง จะหมดไปกับการเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับจักรยาน จนกว่าจะออกเดินทางจริงได้ ก็เล่นกินเวลาไปเกือบ 1 ปี เพราะกลัวความผิดพลาดควบคู่กับขาดความรู้อย่างถูกต้อง และในตอนนี้ประสบการณ์ทั้งหมด 10 ปี โดยปรมาณ ผมจะย่นเวลาเพื่อบอกข้อมูลพื้นฐานมาให้มือใหม่รวมถึงทบทวนบทเรียนมือเก๋าด้วยว่า "เราจะเป็นชายที่อยู่ในสารคดีชุดนั้นได้เช่นไร" ในบทความนี้เราจะมากล่าวถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวที่เริ่มต้นจากระยะทางตั้งแต่ 60 - มากกว่า 100 กิโลเมตร ขึ้นไปต่อ 1 วัน ออกเดินทางเมื่อเริ่มเห็นหน้าคนชัดขึ้น พักเหนื่อยใต้ร่มไม้ข้างทาง ทำอาหารมื้อเย็นรับประทานเอง อาบน้ำในลำธาร กางเต๊นนอนดูดาว ทั้งหมดนี้เป็นการเดินทางด้วย "จักรยานทัวร์ริ่ง" จักรยานสำหรับเดินทางไกล การท่องเที่ยวประเภทนี้เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายทั่วโลกในนักปั่นสายชิว เหนื่อยก็พัก หิวก็กิน ง่วงก็นอน อะไรทำนองนั้นครับ ภาพถ่ายจากผู้เขียน ทำไมต้องจักรยานทัวร์ริ่ง ? จักรยานสายพันธุ์อึด ที่ถูกออกแบบปรับแต่งขึ้นมาให้สามารถบรรทุกของหนักได้ มีความแข็งแรงทนทาน รวมถึงท่าทางในการนั่งปั่นของผู้ขับขี่ที่ค่อนข้างสบาย ลดการบาดเจ็บหรือเมื่อยล้าบริเวณฝ่ามือ แขน ต้นคอ และหลัง อันเนื่องมาจากการนั่งปั่นทางไกลเป็นระยะเวลานานหลายชั่วโมง ลักษณะที่ดีของจักรยานทัวร์ริ่ง 1. เฟรมและตะเกียบ ควรมีจุดยึดสำหรับติดตั้งอุปกรณ์เสริม เช่น แร็คกระเป๋า ขากระติกน้ำ ขาสูบลม และในบางรุ่นอาจมีจุดสำหรับเก็บซื่ลวดสำรองเพื่อซ่อมแซมล้ออีกด้วย 2. ชุดเกียร์ขับเคลื่อน จำเป็นต้องมี 21 เกียร์ขึ้นไป แต่ถ้าใครกัดฟันกัดลิ้นเพิ่มงบได้ ผมแนะนำให้ใช้ไม่ต่ำกว่า 27 เกียร์ มีเกียร์ยิ่งมากยิ่งดี เพื่อช่วยผ่อนแรงในการปั่นต้านลมและผยุงร่างขึ้นเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ (แต่พอขึ้นเขากันจริง ๆ ก็ไม่พ้นเข็นทุกราย รวมถึงผมด้วย) ภาพถ่ายจากผู้เขียน 3. แฮนด์ เพื่อป้องกันอาการชาที่เกิดจากแรงกดทับ ขณะกำแฮนด์อย่างเหนียวแน่นประดุจหวงของรักเป็นระยะเวลานาน ดังนั้น ควรเลือกแฮนด์ที่สามารถเปลี่ยนอิริยาบถในการจับได้หลากหลาย เช่น แฮนด์ปีกผีเสื้อ แฮนด์ดรอป หรือแฮนด์เสือหมอบ แฮนด์ตรงก็สามารถติดตั้ง บาร์เอน ไว้บริเวณส่วนปลายของแฮนด์ทั้งสองข้างได้เพื่อความสมบูรณ์ 4. เบาะ เรื่องราวอมตะสุดคลาสสิคประดจุนนิยายความรักนองเลือด แดรกคูล่า ของบราม สโตกเกอร์ ก็ไม่ปาน และสำหรับนักปั่นแล้ว เบาะเหมือนคู่แท้ แต่กว่าจะหากันจนเจอก็เล่นเอารวดร้าวจากภายนอกสู่ภายในไปหลายทริปเลยดีเดียว เบาะชนิดเดียวกัน คนสองคนใช้แล้วความรู้สึกต่างกันอันเนื่องมาจากกายวิภาคของมนุษย์ที่ซับซ้อนจนไม่มีใครเหมือนใคร ไม่เป็นไร ช่างมันครับ เอาเป็นว่าผมมีวิธีการเลือกเบาะขั้นพื้นฐานมาบอกครับ เบาะสำหรับทัวร์ริ่งโดยเฉพาะ บางรุ่นเป็นหนังแท้ บางรุ่นปรับระดับความตึง-หย่อนของหนังได้ (แต่ราคาเริ่มต้นค่อนข้างสูง) เบาะจักรยานทั่วไป เลือกเนื้อภายในเบาะไม่นิ่มหรือแข็งจนเกินไป เพราะจะกดทับเส้นประสาท นำมาสู่อาการชาช่วงล่างได้ โครงสร้างที่ยุบตัวน้อย มองจากด้านข้างแล้วให้ใช้มือบีบบริเวณตรงกลางระหว่างเนื้อเบาะและขาเบาะเข้าด้วยกัน ถ้ายุบตัวลงไปมาก ถือว่าไม่เหมะนำไปใช้ เพราะโครงสร้างเบาะมีการเปลี่ยนรูป อาจส่งผลทำให้เกิดภาวะชาได้เช่นกัน ภาพถ่ายจากผู้เขียน 5. แร็คสำหรับขนของ ควรมีอย่างน้อย 1 - 2 แบบ คือ แบบที่ติดตั้งบริเวณด้านหลัง และแบบที่ติดตั้งบริเวณตะเกียบด้านหน้า ควรมีทั้งสองแบบติดตั้งใว้เพื่อความสมดุลขณะขับขี่ ไม่ทำให้รถจักรยานแกว่ง ลดความเสี่ยงในการล้ม ภาพถ่ายจากผู้เขียน 6. กระเป๋าทัวร์ริ่ง ควรเลือกซื้อมาพร้อมกับแร็ค เพราะกระเป๋าจะมีจุดยึดที่พอดีกับแร็คชนิดนั้น มีช่องที่ออกแบบมาสำหรับใส่อุปกรณ์บางชนิดโดยเฉพาะ และช่วงท้ายของกระเป๋าจะมีแถบสะท้อนแสงติดมาด้วยครับ กระเป๋าทัวร์ริ่งราคาเริ่มต้นก็หลักพันแล้ว อาจแพงเกินไปสำหรับบางท่าน แต่ไม่ต้องกังวลครับ เพราะแท้จริงแล้วเราประยุกต์ใช้กระเป๋าเป้ธรรมดาและสายยางรัดของที่ขายตามร้านวัสดุก่อสร้างได้ครับ ผนึกทุกสิ่งเข้าด้วยกัน โดยให้อยู่ภายใต้กฏความปลอดภัยคือ เก็บหูหิ้ว สายสะพาย หรือสายส่วนเกินให้เรียบร้อย ภาพถ่ายจากผู้เขียน 7. ยาง การเลือกยางขึ้นอยู่กับสถานที่ที่จะไป บางท่านต้องการเพิ่มความเร็วให้กับจักรยานของตนก็เลยใส่ยางที่ไม่มีดอกยาง หรือที่เราเรียกกันว่ายางโล้น แบบนี้ไม่ควรครับ ควรเลือกยางที่มีหน้ากว้างและมีดอกยางเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เศษของมีคมทิ่มยาง ผมบอกเลยถ้าโชคดี คุณอาจได้นั่งปะยางกลางแดดอุณหภูมิประเทศไทยปราศจากร่มไม้เกือบทั้งทริปก็ได้ และเคยมีมาแล้ว (เอาใว้ผมจะเล่าให้ฟังอีกครับ) ภาพจากผู้เขียน สำรวจเส้นทางเสียก่อน ใช่ว่าผมจะกระชากจักรยานที่ซื้อมาใหม่แล้วออกโบยบินไปยังจุดมุ่งหมายได้เลย ถึงแม้เราจะเคยไป และรู้อยู่แล้วว่าจะไปที่ใด กี่กิโลเมตร แต่ที่ผ่านมานั้น คือการนั่งรถยนต์เอาคางเกยขอบหน้าต่าง หน้าโต้ลมชมวิวไปเรื่อย ๆ แต่การปั่นจักรยาน มันคนละเรื่อง ดังนั้นเราจึงต้องสำรวจเส้นทางอย่างจริงจัง จะได้รู้ว่าภูมิประเทศนี้เป็นเช่นไร มีความอันตรายแค่ไหน จุดไหนหยุดพักได้ จุดไหนมีร้านค้า ยกตัวอย่างเช่น บ้านผมอยู่แถวถนนสายไหม ผมอยากไปเขื่อนขุนด่าน (ค้าง 1 คืน) ระยะทางขาไป 100 กิโลเมตร ผมจึงต้องขับมอเตอร์ไซค์ หรือรถยนต์พร้อมบรรทุกจักรยานไปด้วย เพื่อสำรวจเส้นทางเสียก่อนจะได้ไม่หลง หาจุดนั่งพัก หาร้านค้าเพื่อหยุดรับประทานอาหารและเสบียงน้ำดื่ม ซื้อสิ่งของจำเป็น วัตถุดิบ เนื้อสัตว์ หาจุดกางเต๊นที่มีห้องน้ำและมีที่สำหรับหลบฝน สิ่งเหล่านี้จำเป็นมากครับ เพราะการหลงทางโดยจักรยานและขาดอาหารระหว่างทาง คือความผิดพลาดพ่วงความทรมาน อาจมีภาวะแทรกซ้อนทางร่างกาย ทำให้ท่านยังคงปั่นเดินทางอยู่เมื่อรัตติกาลได้ปกคลุมร่างแล้ว แน่นอนครับ ย่อมเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายมากขึ้นก่อนถึงจุดหมาย ฝึกฝนทักษะก่อนออกลุย 1. ฝึกคำนวนระยะเวลาในการเดินทาง ควรเริ่มปั่นออกเดินทางตอนที่มีแสงสว่าง และจบทริปก่อนฟ้ามืดเพื่อความปลอดภัย ส่วนใหญ่การท่องเที่ยวด้วยจักรยานทัวร์ริ่งเรามักจะเดินทางใช้ระยะเวลา 8 - 10 ชั่วโมง และปั่นต่อ 1 วัน เป็นระยะทาง 80 - 100 กิโลเมตร ขึ้นไป ภาพถ่ายจากผู้เขียน 2. ฝึกประสาทสัมผัส ฝึกสัญญาณมือ สังเกตองค์ประกอบและฟังเสียงรถรอบข้าง รถเล็ก รถใหญ่ จังหวะเสียงเครื่องยนต์ที่กำลังเข้ามา ท่านอาจต้องชะลอความเร็วหลบข้างทาง ใช้ตามอง ใช้สัญญาณมือให้ชิน โบกเพื่อเลี้ยว ชะลอ หรือหยุด 3. ฝึกแพคของ และฝึกปั่นโดยติดตั้งของทั้งหมดใว้ที่ตัวรถจักรยานแล้ว เพื่อชินต่อน้ำหนัก ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ 4. ฝึกซ้อม เทคนิคเบื้องต้นควรฝึกซ้อมโดย ออกจากบ้านเวลาประมาณ 6.00 - 7.00 น. ปั่นด้วยความเร็วคงที่โดยไม่เหนื่อย และภายใน 2 ชั่วโมง ท่านสามารถปั่นต่อเนื่องได้ อาจหยุดพัก 1 ครั้ง แล้วมาดูกันว่า ท่านไปได้กี่กิโลเมตร ต่อจากนั้นท่านจึงปั่นกลับ ฝึกเช่นนี้จนท่านเหนื่อยน้อยลง จึงเพิ่มระยะทางและเวลาขึ้นมาอีก แล้วมาดูกันว่าในรอบนี้ ท่านไปได้ไกลแค่ไหน โดยนำเวลาล่าสุดของการซ้อมไป-กลับ 1 วัน ยึด 8 - 10 ชั่วโมง ก่อนฟ้ามืดเป็นหลัก ว่าไปได้กี่กิโลเมตร ระยะทางจนถึงจุดหมายครบหรือไม่ มือใหม่อาจใช้ความเร็วในการปั่นเริ่มต้นที่ 16 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับแรงพื้นฐานของแต่ละท่าน (อย่าลืมน๊ะครับว่า ถ้าไป 100 กิโลเมตร ต้องกลับอีก 100 กิโลเมตรเช่นกัน) ฟิตให้ดีครับ 5. ฝึกปะยาง ซ่อมรถ ซ่อมระบบเกียร์ ทักษะเหล่านี้สามารถทำให้ท่านเอาตัวรอด รวมถึงช่วยทีม หรือช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อท่านพบเหตุได้ ภาพถ่ายจากผู้เขียน 6. ฝึกทำอาหารเอง เพื่อเพิ่มอรรถรสในการพักแรมของท่านอย่างเต็มรูปแบบ ผมอยากให้ท่านปลุกสัญชาตญาณดิบของความเป็นเชฟที่แอบซ่อนอยู่ภายในลมปราณของท่านขึ้นมา ควรตั้งใจเรียนรู้ เพราะอาหารที่ถูกสรรค์สร้างขึ้นมาจากฝีมือของท่านเอง ณ จุดพักแรม มิติของรสชาติจะแตกต่างออกไปจากการทำที่บ้านอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นรสสัมผัสที่เรียกว่า รสชาติแห่งความสุข ภาพถ่ายจากผู้เขียน 7. หาความรู้เพิ่มเติม ถามร้านจักรยาน ถามนักปั่นต่าง ๆ เมื่อพบระหว่างทาง หาเพื่อนปั่นเพื่อซ้อมปรับตัว หลอกเพื่อนสนิทให้มาปั่นทัวร์ริ่งให้ได้ เพราะการปั่นกับเพื่อนสนิทที่รู้ใจ มันสนุกมากครับ ผมก็หลอกเพื่อนมาปั่นเช่นกัน ภาพถ่ายจากผู้เขียน เตรียมอุปกรณ์พื้นฐานก่อนเดินทาง 1. เตรียมรถ โดยต้องมี กระติกน้ำติดรถ ชุดปะยาง ยางในสำรอง กระบอกสูบลม เครื่องมือซ่อมบำรุง เติมลมยางมาตรฐาน ระบบเบรค การทำงานของเกียร์ ไฟหน้าและไฟหลัง ความแน่นหนาของจุดยึดแร็คกระเป๋า เต๊น+ปูนขาวสำหรับโรยกันแมลงคลาน ถุงกันน้ำ สายยางรัดของ 2. เตรียมคน หมวกกันน๊อค ถุงมือ แว่นกันแดด แว่นกันลม ผ้าบัฟ ปลอกแขน อุปกรณ์สื่อสาร แบตเตอรี่สำรอง และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 3. อาหารให้พลังงานระหว่างทาง ควรเลือกอาหารที่เสียยาก เช่น ไข่ต้ม ข้าวต้มมัด น้ำผึ้ง ธัญพืชชนิดแท่ง ช๊อกโกแล็ตผสมถั่วคาราเมล (ซื้อได้จากร้านสะดวกซื้อเลข 7) กล้วยตาก หมู,เนื้อแดดเดียว ข้าวเหนียว อื่น ๆ อีกมากมายครับ 4. ชุดประกอบอาหาร ถ้วย จาน มีด ช้อน ส้อม เขียง หม้อสนาม เตาสนาม+แก๊ส ตะแกรงย่าง อลูมิเนียมฟอยล์ห่ออาหาร วัตถุดิบ เครื่องปรุง ไฟแช๊ค เทียนไข 5. ชุดทำความสะอาด ถุงขยะ น้ำยาล้างจาน ฟองน้ำและฝอยขัด ผงซักฟอก ผ้าขี้ริ้ว 6. ชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้น พลาสเตอร์ปิดแผล ยาแดง ทิงเจอร์ แอลกอฮอล์ล้างแผล ผ้าตะข่าย ผ้าสะอาด ยาแก้ปวด ยาลดกรด ยาแก้ท้องอืด ยาแก้ท้องเสีย คาร์บอนแก้ท้องเสีย เกลือแร่ ยาดม ยานวด ยาหม่องแก้พิษแมลงกัดต่อย ยาทากันยุง 7. ชุดอาบน้ำ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ ขัน ผ้าเช็ดตัว ถุงสำหรับใส่ผ้าเปียก 8. ชุดเสื้อผ้า ชุดปั่นไป - กลับ ชุดเล่นน้ำเมื่อมีแหล่งน้ำ ชุดนอน หมอนลม เสื้อกันหนาว ถึงแม้จะเป็นหน้าร้อนแต่เวลากลางคืนในบางสถานที่จะมีความชื้นสูง น้ำค้างลง อาจทำให้หนาวมากขึ้น ภาพถ่ายจากผู้เขียน ภาพถ่ายจากผู้เขียน กฏเหล็ก ห้ามละเมิด อันตรายถึงชีวิต 1. ห้ามฟังเพลงขณะปั่น ควรมุ่งมั่นใช้ทักษะที่ฝึกฝนกันมาอย่างเต็มที่ หลายทริปที่ผ่านมาผมเคยเชิญเพื่อนร่วมทริปออกจากกลุ่มในขณะปั่นเดินทาง เนื่องจากละเมิดกฏข้อห้ามนี้ สำหรับผม ไม่มีข้อยกเว้นครับ โกรธกันวันนี้ ก็ยังดีที่มีชีวิตรอดอยู่ ในวันข้างหน้า เมื่อคนเหล่านั้นเข้าใจในสิ่งที่เราทำและหันหลังกลับมาปรับความเข้าใจ เราย่อมมีโอกาศร่วมปั่นกันอีกครั้งครับ 2. ห้ามเหนื่อย ต้องเกิดจากการซ้อมที่ดี และการรู้จักประมาณตน เหนื่อยก็หยุดพัก ม้าป่ามักจะคึกเมื่อเวลารวมตัวกัน สนุกพูดถากถาง ท้าทาย เหน็บแนม เช่น อ่อน ปั่นช้าจังยาดมมั๊ยปู่ หลังจากนั้นทริปเดินทางทัวร์ริ่งอาจกลายเป็นสนามแข่งย่อย ๆ ไม่ควรทำครับ แดดบ้านเรามันร้อนครับ อาการ ฮีทสโตรก (Heat Stroke) หรืออาการลมแดด เจ็บจริง ตายจริง มีตัวอย่างมาแล้วมากมายทั้งในมือใหม่และนักแข่งมืออาชีพ 3. ห้ามนอนดึก แทบทุกครั้งก่อนออกเดินทาง 1 วัน ผมพบเสมอครับ เพื่อนร่วมทริปที่นอนไม่หลับเพราะความตื่นเต้น แนะนำให้ฝึกสมาธิเพื่อช่วยในการนอนให้หลับได้สนิทครับ ควรนอนอย่างน้อย 8 - 10 ชั่วโมง 4. ห้านรับประทานของเผ็ด ร่างกายจะเสียความสมดุล ทำให้เกิดกรดเกินในกระเพาะอาหาร 5. ห้ามดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟ และ สุรา เพราะระบบการหายใจจะผิดปกติ ทำให้เกิดภาวะช๊อคได้ 6. จิบน้ำบ่อย ๆ ขณะปั่น ลดความเสี่ยงในการเกิดตะคริว และอย่างดื่มครั้งละมาก ๆ เพราะจะทำให้จุก โอ้ว... พระเจ้า ทำไมมันมากมายเช่นนี้ เปลี่ยนใจดีกว่า ถ้าคิดเช่นนั้น ท่านคิดถูกแล้วครับ จงกลับไปใช้ชีวิตเหมือนที่เคยเป็นและทำกิจกรรมแห่งความสะดวกด้านอื่นของท่านเถิด อุปสรรคเหนือการคาดเดายังรอท่านให้มาร่วมสัมผัสอีกหลากหลายรูปแบบ สำหรับการท่องเที่ยวด้วยจักรยานทัวร์ริ่ง คงไม่เหมาะกับท่าน แต่ถ้าท่านเดินหน้าต่อ ท่านจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งทั้งกายและใจ มีทักษะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อท่านได้ออกเดินทาง ท่านจะได้เห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวชิดเจนขึ้น เห็นวิถีชีิวิตท้องถิ่น พบผู้คนเกือบทุกชนชั้น เห็นมุมมองใหม่ในปรัชญาการใช้ชีวิต สิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนตัวตนของท่านให้เป็นผู้ที่มีอำนาจทางปัญญา สามารถนำมาปรับใช้ในการทำงานและการดำเนินชีวิตตลอดกาล ภาพถ่ายจากผู้เขียน การเริ่มต้นด้วยความมุ่งมั่นคือสิ่งที่ยากที่สุด มนุษย์ที่ไร้ความมุ่งมั่น จะต่างอะไรกับก้อนเนื้อที่วางอยู่บนเขียงในตลาดเพื่อรอวันคนมาซื้อไปประกอบอาหาร ผมขอเชิญผู้มีจิตศรัทธา จงเดินหน้าต่อด้วยความมุ่งมั่นได้เลยครับ ไม่แน่น๊ะครับ ท่านที่เดินทางสายนครนายก เขื่อนขุนด่าน คลองมะเดื่อ เขาใหญ่ เจ็ตคต และระแวกใกล้เคียง เราอาจได้พบกัน ขอให้ท่านโชคดีในทุก ๆ การเดินทางและการใช้ชีวิต ด้วยความปรารถนาดีจาก "ทีมตีนถีบ" ครับ ภาพถ่ายจากผู้เขียน